.

จีน'ผลักดันการใช้เงินหยวนในการค้าระหว่างประเทศขั้นต่ำเริ่มที่ 40% ตอบโต้ภาษีทรัมป์
27-5-2025
ธนาคารกลางจีนผลักดันการใช้เงินหยวนในการค้าโลก เพิ่มอัตราขั้นต่ำเป็น 40% Bloomberg รายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้ขอให้สถาบันการเงินรายใหญ่ของประเทศเพิ่มสัดส่วนการใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นความพยายามล่าสุดในการส่งเสริมการใช้สกุลเงินประจำชาติในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับการโจมตีด้วยมาตรการภาษีศุลกากรจากสหรัฐอเมริกา
ตามแหล่งข่าวที่ขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากเป็นข้อมูลภายใน ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBOC) ได้ปรับเพิ่มอัตราส่วนขั้นต่ำสำหรับธุรกรรมการค้าที่ใช้เงินหยวนจาก 25% เป็น 40% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับการประเมินความรอบคอบทางการเงินในระดับมหภาค (Macro Prudential Assessment) ครั้งล่าสุด แม้ว่ามาตรการนี้จะไม่มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวด แต่ธนาคารที่ไม่สามารถบรรลุอัตราส่วนดังกล่าวมักจะได้รับคะแนนต่ำในการตรวจสอบของหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายธุรกิจในอนาคต
ทางธนาคารกลางจีนยังไม่ได้ตอบกลับคำขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ การเพิ่มอัตราส่วนอย่างมีนัยสำคัญนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการเร่งผลักดันการใช้เงินหยวนในการค้าโลก และอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความต้องการสกุลเงินดังกล่าว ในขณะเดียวกัน การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ก็ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความน่าดึงดูดใจของสินทรัพย์ที่อิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดโลก
การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการเจรจาระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สร้างความตกตะลึงให้กับเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลกด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจีนสูงถึง 145% หลังจากที่จีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงระงับข้อพิพาทชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันเมื่อต้นเดือนนี้
ข้อมูลจากผู้ว่าการธนาคารกลางจีน นายปาน กงเซิง เปิดเผยเมื่อเดือนมกราคมว่า การนำเข้าและส่งออกสินค้าของจีนในปี 2024 มีมูลค่ารวม 43.8 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 6.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยสัดส่วนการชำระเงินข้ามพรมแดนที่ใช้เงินหยวนในการค้าสินค้าอยู่ที่ 30%
จีนได้ผลักดันการใช้เงินหยวนในธุรกรรมข้ามพรมแดนอย่างจริงจังผ่านโครงการริเริ่มต่างๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทางการจีนยังได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะปรับปรุงการอำนวยความสะดวกให้กับบริการทางการเงินข้ามพรมแดนในเซี่ยงไฮ้เพิ่มเติมในเดือนที่แล้ว รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการชำระเงินข้ามพรมแดนและการปรับปรุงบริการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถเสนอส่วนลดค่าธรรมเนียมบริการให้แก่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าเพื่อกระตุ้นการใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย
สำหรับค่าเงินหยวนในประเทศ ณ ปัจจุบันได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้น 1.57% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยอยู่ที่ประมาณ 7.187 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ
---
IMCT NEWS
-------------------------
จีนและอินโดนีเซียลงนามข้อตกลงค้าขายกันด้วยเงินสกุลท้องถิ่น
27-5-2025
จีนและอินโดนีเซียลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการชำระธุรกรรมทวิภาคีด้วยสกุลเงินท้องถิ่น ธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China - PBOC) เปิดเผยว่า จีนและอินโดนีเซียได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อจัดตั้งกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมการชำระธุรกรรมทวิภาคีด้วยสกุลเงินท้องถิ่น
“ภายใต้การเป็นสักขีพยานร่วมกันของนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต แห่งอินโดนีเซีย นายพาน กงเซิง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) และนายแพร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการธนาคารอินโดนีเซีย (Bank Indonesia - BI) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกรอบความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการทำธุรกรรมทวิภาคีด้วยสกุลเงินท้องถิ่น” ธนาคารกลางจีนระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์
แถลงการณ์ระบุเพิ่มเติมว่า บันทึกความเข้าใจฉบับใหม่นี้เป็นการขยายและยกระดับความตกลงเดิมที่ได้ลงนามเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 โดยขอบเขตของความร่วมมือได้ขยายครอบคลุมธุรกรรมทุกประเภท รวมถึงบัญชีทุนและการเงิน ไม่จำกัดเพียงธุรกรรมบัญชีเดินสะพัดและการลงทุนโดยตรงเท่านั้น ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจีน “หลี่ เฉียง” เตือนภัยคุกคามเศรษฐกิจโลกจาก “ลัทธิฝ่ายเดียวและกีดกันทางการค้า” ย้ำกระชับความสัมพันธ์กับอินโดนีเซีย
นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง ออกคำเตือนเมื่อวันอาทิตย์ว่า การเพิ่มขึ้นของ “ลัทธิฝ่ายเดียว (Unilateralism)” และ “การกีดกันทางการค้า (Protectionism)” กำลังคุกคามระเบียบเศรษฐกิจและการค้าระดับโลก พร้อมย้ำความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับอินโดนีเซียระหว่างการเยือนประเทศนี้ ก่อนเดินทางต่อไปยังการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัวลาลัมเปอร์
“ลัทธิฝ่ายเดียวและการกีดกันทางการค้ากำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก และเป็นภัยคุกคามต่อระเบียบเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” หลี่ เฉียง กล่าวกับประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต แห่งอินโดนีเซีย โดยอ้างอิงจากสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน
“เมื่อเผชิญกับความเสี่ยงเหล่านี้ ความสามัคคีและความร่วมมือคือหนทางเดียวที่สามารถเดินหน้าต่อไปได้”
จีนและอินโดนีเซียเป็นพันธมิตรเศรษฐกิจสำคัญ โดยบริษัทจีนได้ลงทุนอย่างมากในภาคการสกัดทรัพยากรธรรมชาติของอินโดนีเซียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมนิกเกิล อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเคยตึงเครียดจากข้อพิพาทเกี่ยวกับน่านน้ำในทะเลจีนใต้และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งต่างฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์
หลี่ เฉียง กล่าวว่า ปักกิ่งต้องการยกระดับความร่วมมือกับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับอินโดนีเซียและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ เพื่อปกป้องพหุภาคีนิยม (multilateralism) และการค้าเสรี พร้อมทั้งส่งเสริมโลกพหุขั้วและโลกาภิวัตน์ที่เปิดกว้างและครอบคลุม” หลี่ เฉียง กล่าว
ทางด้านประธานาธิบดีปราโบโว ก็กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ “ใกล้ชิดและดีงาม” กับจีน “อินโดนีเซียพร้อมที่จะสร้างภูมิภาคที่ปลอดภัยและมั่งคั่ง อินโดนีเซียพร้อมที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับจีน เพื่อให้เราสามารถสร้างภูมิภาคที่สันติและปลอดภัยสำหรับทุกคน” ผู้นำอินโดนีเซียกล่าว
ทั้งสองผู้นำยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือหลายฉบับ ครอบคลุมด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการเงิน
ทำเนียบประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้แถลงในภายหลังว่า มีการลงนามข้อตกลงอีก 8 ฉบับในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ การท่องเที่ยว สุขภาพ การลงทุน และสื่อสารมวลชน
หลี่ เฉียง มีกำหนดเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนร่วมกับประเทศสมาชิก 10 ชาติ รวมถึงจีนและประเทศผู้ผลิตน้ำมัน
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีปราโบโวได้เดินทางไปเยือนจีนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในโอกาสนั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แสดงความหวังว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีจะเปิด “บทใหม่” ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศเคยมีข้อพิพาททางวาจาเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนอ้างกรรมสิทธิ์เกือบทั้งหมด โดยที่ศาลระหว่างประเทศเคยตัดสินว่าการอ้างสิทธิ์ของจีน “ไม่มีพื้นฐานทางกฎหมาย”
จีนยังคงพยายามขยายอิทธิพลในน่านน้ำพิพาทดังกล่าว โดยบางครั้งเรือของจีนได้เข้าสู่เขตทะเลนาทูนาตอนเหนือ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลจีนใต้ ซึ่งอินโดนีเซียอ้างสิทธิ์ ส่งผลให้จาการ์ตาประท้วงอย่างต่อเนื่อง
ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อินโดนีเซียระบุว่า ได้ขับไล่เรือยามฝั่งของจีนออกจากน่านน้ำพิพาทในทะเลจีนใต้ถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
ที่มา https://jordantimes.com/news/world/indonesia-china-agree-bolster-ties-ahead-asean-summit