สงครามราคาภาคยานยนต์ในจีนทวีความรุนแรง

สงครามราคาภาคยานยนต์ในจีนทวีความรุนแรง จุดกระแสความหวั่นวิตกต่อการสั่นคลอนของตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
28-5-2025
ราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์รายใหญ่ของจีนร่วงลงเมื่อวันจันทร์ หลังจากที่ BYD ยักษ์ใหญ่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของจีน ประกาศลดราคาครั้งใหม่ในรถยนต์มากกว่าหนึ่งโหล ขณะที่ผู้บริหารของอีกบริษัทหนึ่งออกมาแสดงความกังวลอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับสงครามราคารถยนต์ในประเทศที่ลุกลามหนักขึ้น
การลดราคาของ BYD ทำให้ราคาเริ่มต้นของรุ่นที่ถูกที่สุด — รถแฮทช์แบตเตอรีไฟฟ้ารุ่น Seagull — ลดลงเหลือ 55,800 หยวน (ประมาณ 7,765 ดอลลาร์สหรัฐ) จากเดิมเกือบ 10,000 ดอลลาร์
ทู เหล่อ (Tu Le) กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษา Sino Auto Insights ระบุว่า การลดราคาของ BYD พร้อมกับปัจจัยอื่น ๆ เป็นสัญญาณของ “จุดเปลี่ยน” ที่ผู้เล่นรายย่อยอาจไม่สามารถแบกรับภาวะขาดทุนจากราคาที่ตกต่ำลงเรื่อย ๆ ได้อีกต่อไป
“นี่คือสัญญาณของการนองเลือดในปลายปีนี้” เขากล่าว “นี่อาจเป็นโดมิโนตัวแรกที่จะเริ่มกดดันบริษัทที่อ่อนแอ เช่น Neta และ Polestar ที่กำลังอยู่ในจุดเสี่ยง”
เมื่อวันศุกร์ เว่ย เจี้ยนจวิ้น ประธานของบริษัท Great Wall Motors ได้เตือนว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จีนกำลังอยู่ในภาวะที่ไม่แข็งแรง โดยแรงกดดันด้านราคากำลังทำลายกำไรของทั้งผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์ เขาเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ของจีน ที่ถูกชำระบัญชีไปเมื่อปีที่แล้วจากวิกฤตหนี้ครั้งใหญ่ “ตอนนี้ เรามี Evergrande ในอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว เพียงแต่มันยังไม่ล่มสลาย” เขากล่าวกับ Sina Finance
ในอีกสัญญาณหนึ่งที่แสดงถึงแรงกดดันในตลาด Reuters รายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลการค้าของจีน กำลังตรวจสอบแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการขาย "รถมือสอง" ซึ่งแท้จริงแล้วคือรถใหม่ที่ไม่มีระยะทางการใช้งานเลย (0 กม.) แนวทางนี้ถูกมองว่าเป็นวิธีที่ผู้ผลิตและดีลเลอร์ใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการขายที่กดดันอย่างหนัก แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้บอกกับ Reuters
ราคาหุ้นของ BYD ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ปิดตลาดวันจันทร์ลดลง 8.6% ขณะที่ Geely Auto ลดลง 9.5% ส่วนบริษัทอื่น ๆ เช่น Nio (9866.HK) และ Leapmotor (9863.HK) ปิดตลาดลดลงระหว่าง 3% ถึง 8.5% ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา มีบริษัทสตาร์ทอัปจำนวนมากแห่เข้าสู่ตลาดรถยนต์จีน โดยถูกดึงดูดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคยานยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ตลาดกลับกลายเป็นสนามแข่งขันที่เต็มไปด้วยสงครามราคาดุเดือด ซึ่งทำให้บริษัทส่วนใหญ่แบกรับภาระขาดทุนหนัก
ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย Jato Dynamics ปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์ในจีนถึง 169 ราย โดยกว่าครึ่งมีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 0.1% สถานการณ์นี้คล้ายกับภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐในต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเคยมีบริษัทมากกว่า 100 แห่งแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง Ford ก่อนที่อุตสาหกรรมจะเข้าสู่ช่วงของการควบรวม
ทู เหล่อ กล่าวว่าสงครามราคาในอุตสาหกรรมรถยนต์จีนดำเนินมายาวนานราว 3 ปี เดิมทีผู้ผลิตสามารถตั้งราคาสูงได้จากฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น ระบบช่วยขับอัตโนมัติที่สามารถควบคุมพวงมาลัยและเบรก แต่ปัจจุบันหลายบริษัทเริ่มรวมฟีเจอร์เหล่านี้ไว้ในราคาขายมาตรฐาน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจของรัฐจีนเตือนว่าการแข่งขันในบางอุตสาหกรรมเริ่มรุนแรงเกินไป โดยบางบริษัทถึงขั้นขายรถยนต์ในราคาต่ำกว่าทุน ซึ่งบั่นทอนการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เมื่อวันศุกร์ เว่ย เจี้ยนจวิ้น ประธาน Great Wall Motors เตือนว่าสงครามราคาที่ยืดเยื้อนี้กำลังส่งผลเสียต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยซัพพลายเออร์บางรายเสี่ยงล้มละลายจากแรงกดดันให้ลดราคาจากบริษัทรถยนต์ “มีสินค้าบางชนิดที่ราคาลดจาก 220,000 หยวน เหลือ 120,000 หยวนภายในไม่กี่ปี” เขากล่าวโดยไม่ระบุชื่อบริษัท “มีสินค้าประเภทอุตสาหกรรมแบบใดบ้างที่สามารถลดราคาลงถึง 100,000 หยวน แล้วยังรับประกันคุณภาพได้?”
อย่างไรก็ตาม ไมเคิล ดันน์ ที่ปรึกษาผู้ติดตามอุตสาหกรรมยานยนต์จีนอย่างใกล้ชิด กล่าวว่าการคาดการณ์เรื่องการควบรวมกิจการในตลาดรถยนต์จีนมีมานานหลายปีแล้ว แต่จำนวนผู้เล่นกลับเพิ่มขึ้น“การลดราคาของ BYD จะผลักดันให้ผู้เล่นที่อ่อนแอบางรายต้องออกจากตลาด” เขากล่าว “แต่ในทุกครั้งที่มีรายหนึ่งล้ม ก็จะมี Xiaomi หรือ Huawei รายใหม่เข้ามาแทนทันที”
CNBC