ทรัมป์เตรียมทัวร์ซาอุฯ กาตาร์ และยูเออี

ทรัมป์เตรียมทัวร์ซาอุฯ กาตาร์ และยูเออีท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
11-5-2025
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเดินทางเยือนภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย – หรือที่เขาอาจจะเรียกว่า “อ่าวอาหรับ” – ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยมีจุดหมายปลายทางที่ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การเยือนครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค โดยประเด็นหลักในวาระการเยือนประกอบด้วยการเจรจาหยุดยิงในสงครามอิสราเอล-กาซา การค้า น้ำมัน ข้อตกลงการลงทุน และนโยบายใหม่ที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงและโครงการนิวเคลียร์
“เราคาดว่าจะได้เห็นประกาศสำคัญหลายฉบับ และในหลากหลายด้านด้วย” โมนิกา มาลิก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารพาณิชย์อาบูดาบี กล่าวกับแดน เมอร์ฟี จาก CNBC เมื่อวันศุกร์ โดยเธอชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมและเหล็กกล้าในอัตรา 10% ซึ่งเป็นมาตรการที่ทรัมป์เคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า หากยกเลิกได้ จะเป็นผลดีต่อประเทศในอ่าวบางประเทศที่ส่งออกโลหะเหล่านี้ไปยังสหรัฐฯ แม้ว่าโลหะเหล่านี้จะมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยต่อ GDP ของประเทศเหล่านั้นก็ตาม
ทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประเทศอาหรับในอ่าวมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งบุตรหลานของเขามีโครงการทางธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งอยู่ในพื้นที่ ความสัมพันธ์เหล่านี้อาจช่วยเสริมอำนาจการเจรจาของประเทศต่างๆ เมื่อพูดถึงข้อตกลงทางการค้าใหม่ ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้วิจารณ์เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งครอบครัวทรัมป์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้
ในช่วงวาระแรกของประธานาธิบดี ทรัมป์ได้เดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกที่ซาอุดีอาระเบีย – ประเทศที่ขณะนี้เป็นเจ้าภาพการเจรจาที่ทรัมป์หวังว่าจะยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้ราชอาณาจักรแห่งนี้มีความสำคัญต่อวอชิงตันมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน กาตาร์ก็มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับฮามาส เกี่ยวกับการหยุดยิงและการปล่อยตัวตัวประกัน
วอลล์สตรีทและ AI ในอ่าวอาหรับ
การเยือนของประธานาธิบดีครั้งนี้ได้ดึงดูดผู้นำจากวอลล์สตรีทและซิลิคอนแวลลีย์จำนวนมากให้เดินทางมายังซาอุดีอาระเบีย โดยฟอรั่มการลงทุนระหว่างซาอุดีอาระเบียและสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งมีการประกาศในสัปดาห์นี้ และมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 พฤษภาคมที่กรุงริยาด จะมีแขกผู้มีชื่อเสียงเข้าร่วม เช่น แลร์รี ฟิงค์ ซีอีโอของ BlackRock, อเล็กซ์ คาร์ป ซีอีโอของ Palantir รวมถึงผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำอย่าง Citigroup, IBM, Qualcomm, Alphabet และ Franklin Templeton เป็นต้น ขณะเดียวกัน เดวิด แซคส์ ผู้ดูแลด้าน AI และคริปโตของทำเนียบขาวก็จะเข้าร่วมด้วย
“เราคาดว่าจะเห็นการประกาศข้อตกลงการลงทุนจำนวนมาก” โมนิกา มาลิก กล่าว “ทั้งจากฝั่งสหรัฐฯ และอ่าวอาหรับ เราได้เห็นแล้วว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศลงทุนในสหรัฐฯ หลายโครงการในด้าน AI พลังงาน และอะลูมิเนียม และเรายังเชื่อว่าจะมีโอกาสให้บริษัทสหรัฐฯ ขยายการลงทุนเช่นกัน”
ทั้งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต่างก็ลงทุนอย่างมากในโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านเทคโนโลยีนี้ ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ผู้นำของพวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้ คืออนาคตของการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงจากสหรัฐฯ ซึ่งจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงในเร็ว ๆ นี้
รัฐบาลทรัมป์ประกาศยกเลิกกฎ "การแพร่กระจาย AI" ยุคไบเดน เตรียมเปิดทางนโยบายใหม่ เมื่อวันพุธ รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศแผนการยกเลิก “กฎการแพร่กระจาย AI” (AI diffusion rule) ซึ่งเป็นนโยบายจากยุคของประธานาธิบดีไบเดนที่กำหนดข้อควบคุมการส่งออกชิป AI ขั้นสูงอย่างเข้มงวด แม้กระทั่งต่อประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ โฆษกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า กฎใหม่นี้จะ “เรียบง่ายกว่าเดิมมาก เปิดทางให้เกิดนวัตกรรมของอเมริกา และรับประกันความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ด้าน AI” อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของกฎใหม่ยังไม่ถูกเปิดเผย
G42 กับการปรับตัวเข้าหามาตรฐานสหรัฐฯ
บริษัทด้าน AI ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ชื่อ G42 ได้พยายามปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของสหรัฐฯ รวมถึงการถอนการลงทุนจากบริษัทจีน และการร่วมมือกับไมโครซอฟท์ ซึ่งได้ลงทุนใน G42 จำนวน 1.5 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
ความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์
รัฐบาลทรัมป์ยังคงมีบทบาทในกระบวนการเจรจากับอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบียแสดงการสนับสนุนอย่างเปิดเผย ซึ่งถือเป็นท่าทีที่แตกต่างอย่างมากจากท่าทีของสองประเทศนี้ในช่วงที่รัฐบาลโอบามาเคยพยายามเจรจากับเตหะราน
ในขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบียเองก็มีความต้องการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์พลเรือนของตน และได้ร้องขอความช่วยเหลือและการอนุมัติจากสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ การสนับสนุนจากสหรัฐฯ ต่อโครงการนิวเคลียร์ของซาอุฯ มักจะมีเงื่อนไขว่าซาอุฯ ต้องยอมรับความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ เสียก่อน แต่จากรายงานของสื่อหลายแห่งที่อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิด อาจมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขดังกล่าวในการเยือนครั้งนี้
รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐฯ เผย สหรัฐฯ–ซาอุดีอาระเบีย กำลังเดินหน้าเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์พลเรือน
คริส ไรท์ รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐฯ กล่าวระหว่างการเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนเมษายนว่า สหรัฐฯ และซาอุฯ กำลังอยู่ใน “เส้นทาง” ที่จะบรรลุข้อตกลงด้านนิวเคลียร์พลเรือนร่วมกัน แต่ระบุว่า การประกาศใด ๆ เพิ่มเติมจะต้องมาจากประธานาธิบดีทรัมป์โดยตรง
การเจรจาอิสราเอล–กาซา
อีกประเด็นสำคัญคืออนาคตของฉนวนกาซา ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามในพื้นที่ดังกล่าว ขณะเดียวกันก็สร้างความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ผู้นำอาหรับจากการแสดงความเห็นว่า สหรัฐฯ อาจเข้าควบคุมฉนวนกาซา ซึ่งเขาเรียกว่า “อสังหาริมทรัพย์สำคัญ” (important real estate)
สหรัฐฯ ยังคงพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิง โดยข้อเสนอล่าสุดคือการหยุดยิงเป็นเวลา 21 วัน และปล่อยตัวตัวประกันบางส่วน ขณะที่อิสราเอลในสัปดาห์นี้ได้อนุมัติการขยายการปฏิบัติการทางทหารและการควบคุมพื้นที่ในฉนวนกาซา
“จนถึงตอนนี้ เรายังไม่เห็นแผนที่ครอบคลุมจากโลกอาหรับ” เกร็ก แบรนช์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Branch Global Capital Advisors ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวกับ CNBC เมื่อวันศุกร์ ขณะพูดถึงการเยือนของทรัมป์
“หากจะมีการตอบสนองจากโลกอาหรับที่นำโดยอาหรับเอง ก็น่าจะต้องเป็นตอนนี้หรือไม่ก็ไม่มีอีกเลย” แบรนช์กล่าว “ผมคิดว่าเรื่องนี้จะได้รับการจัดการอย่างละเอียดหลังฉาก … และมีแนวโน้มจะเป็นความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ระยะยาว มากกว่าความเสี่ยงทางเศรษฐกิจระยะสั้น”
น้ำมันและการเงิน
แบรนช์ยังเสนอว่า ประเด็นการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อรัฐบาลใหม่ในซีเรียอาจถูกหยิบยกขึ้นหารือด้วย ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ารัฐบาลทรัมป์อาจประกาศเปลี่ยนชื่อ “อ่าวเปอร์เซีย” (Persian Gulf) เป็น “อ่าวอาหรับ” (Arabian Gulf) ซึ่งคาดว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประเทศอาหรับ แต่จะสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงจากอิหร่าน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่กำลังมีการเจรจานิวเคลียร์ที่ละเอียดอ่อนกับเตหะราน
ราคาน้ำมันก็จะเป็นอีกหัวข้อสำคัญ ทรัมป์เคยกดดันประเทศสมาชิกโอเปก โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย ให้เพิ่มการผลิตน้ำมันเพื่อช่วยลดราคาสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกัน และด้วยเหตุผลหลายประการ ซาอุฯ ก็กำลังดำเนินการเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันยังคงต่ำ อาจทำให้ซาอุฯ ต้องทบทวนกลยุทธ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากรายได้ของราชอาณาจักรอาจได้รับผลกระทบ
ในบริบทนี้ การจัดหาเงินทุนจะเป็นประเด็นสำคัญในวาระการเยือนของทรัมป์ ตามความเห็นของมาลิกจาก ADCB ซาอุดีอาระเบียให้คำมั่นเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 600,000 ล้านดอลลาร์ตลอดช่วงวาระของทรัมป์ — แต่อีกด้านหนึ่ง ประเทศก็มีค่าใช้จ่ายในระดับสูงจากโครงการลงทุนตามแผน Vision 2030 ของตนเอง ราคาน้ำมันที่ลดลงทั่วโลกและโครงการใช้จ่ายภาครัฐขนาดใหญ่ได้ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นในกรุงริยาด
“ด้วยระดับราคาน้ำมันในขณะนี้ ซาอุฯ จะมองหาการสนับสนุนด้านการเงินเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ เพื่อขับเคลื่อนโครงการลงทุนของพวกเขา” มาลิกกล่าว
ที่มา ซีเอ็นบีซี
-----------------------------------
แหล่งข่าวการทูตในอ่าวฯ ถกเถียง ทรัมป์อาจประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์หรือไม่
11-5-2025
ซาอุดีอาระเบียเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด Gulf-US Summit กลางเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวาระดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง โดยก่อนหน้านี้เคยจัดประชุมในลักษณะเดียวกันเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ปี 2017 ในช่วงวาระแรกของเขา
จับตาประกาศสำคัญระหว่างซัมมิต
การประชุมครั้งนี้จะจัดขึ้น ณ กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าจะมี “ประกาศสำคัญ” ตามที่ทรัมป์ได้กล่าวไว้ระหว่างพบปะกับนายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารที่ 6 พฤษภาคม
ประเด็นที่ได้รับความสนใจไม่เพียงแค่เนื้อหาของประกาศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคง การทหาร เทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในซัมมิตนี้ด้วย
ผู้นำจากประเทศในกลุ่มอ่าวทุกประเทศมีกำหนดเข้าร่วมประชุม ยกเว้นสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ แห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมิได้ปรากฏตัวในงานสาธารณะมานานด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
ทรัมป์จะประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์หรือไม่?
แหล่งข่าวทางการทูตจากกลุ่มประเทศอ่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อและตำแหน่ง กล่าวกับสื่อ The Media Line ว่า “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศรับรองการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ โดยจะไม่มีบทบาทของกลุ่มฮามาส”
แหล่งข่าวคนเดิมยังระบุว่า “หากเกิดการประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์จากสหรัฐฯ จริง นี่จะเป็นการเปลี่ยนดุลอำนาจในตะวันออกกลางครั้งใหญ่ และจะนำไปสู่การที่ประเทศอื่นๆ เข้าร่วมในข้อตกลงอับราฮัมเพิ่มเติม”
นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า ข้อตกลงด้านเศรษฐกิจจะมีแน่นอน แม้บางส่วนจะประกาศล่วงหน้าไปแล้ว และอาจมีการยกเว้นภาษีศุลกากรแก่ประเทศกลุ่มอ่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม…
ไมค์ ฮักคาบี เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอล ได้โพสต์ข้อความปฏิเสธข่าวดังกล่าวผ่าน X (Twitter) ในบ่ายวันเสาร์ว่า “อิสราเอลไม่มีมิตรประเทศใดจะใกล้ชิดไปกว่าสหรัฐอีกแล้ว”
ด้านอาหมัด อัล-อิบราฮิม อดีตนักการทูตอ่าวอาหรับ ให้สัมภาษณ์กับ The Media Line ว่า “ผมไม่คิดว่าเรื่องรัฐปาเลสไตน์จะเป็นหัวใจหลักของการประชุม เพราะผู้นำอียิปต์และจอร์แดน ซึ่งเป็นประเทศที่ใกล้ชิดกับปาเลสไตน์ กลับไม่ได้รับเชิญ”
เขายังเสริมว่า “น่าจะมีข้อตกลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่เกิดขึ้น คล้ายกับซัมมิตปี 2017 ที่ซาอุดีอาระเบียทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ และยูเออีเองก็ลงทุนในสหรัฐฯ มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียลงทุนมากกว่า 600,000 ล้านดอลลาร์”
ทรัมป์ยังมีกำหนดเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นเศรษฐกิจหลักที่มีศักยภาพด้านการลงทุนในสหรัฐฯ สูงมาก
ข้อตกลงนิวเคลียร์สันติระหว่างสหรัฐ-ซาอุฯ
อาหมัด บูโชกี นักวิเคราะห์การเมืองซาอุดีอาระเบีย ให้สัมภาษณ์ว่า “การเยือนครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ข้อตกลงเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในราชอาณาจักรซาอุฯ” พร้อมกล่าวถึงคำพูดของทรัมป์ที่กระตุ้นชาวอเมริกันให้ “ซื้อหุ้นไว้ตอนนี้ ก่อนที่เขาจะประกาศครั้งใหญ่ในอีกสองวันข้างหน้า”
ส่วนประเด็นความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลิตไฟฟ้าในซาอุฯ บูโชกีระบุว่า “ซาอุฯ ได้ประกาศโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2010 และมีการหารือหลายครั้งแล้ว ขณะนี้มีบริษัทต่างชาติเข้ามาแข่งขันเพื่อออกแบบและสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของราชอาณาจักร”
ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ดำเนินการไปไกลกว่าด้วยการมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบ 4 เตาปฏิกรณ์ที่บาราคะ ซึ่งร่วมมือกับบริษัทจากเกาหลีใต้
ที่มา https://www.jpost.com/middle-east/article-853387