.
จีนกล่าวหาสหรัฐฯ "ขโมยทรัพย์สินที่ถูกขโมยมาอีกทอด" กรณียึดบิตคอยน์ Prince Group มูลค่า $1.5 หมื่นล้าน 'เป็นโจรกรรมระดับรัฐ'
11-11-2025
Global Times รายงานว่า ศูนย์รับมือเหตุฉุกเฉินด้านไวรัสคอมพิวเตอร์แห่งชาติจีน (CVERC) ได้สร้างความตึงเครียดครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจโลก ด้วยการออกรายงานวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ระบุว่า การยึด Bitcoin จำนวนมหาศาลซึ่งมีมูลค่าตลาดปัจจุบันสูงถึงเกือบ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ นั้น เป็นกรณีของ "โจรหักหลังกันเอง (thieves falling out)" ที่ถูกบงการโดย องค์กรแฮกเกอร์ระดับรัฐ (state-level hacking organization)
รายงานของ CVERC ไม่เพียงแต่โต้แย้งคำกล่าวอ้างของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ที่ตั้งข้อหานาย เฉิน จือ (Chen Zhi) ผู้ก่อตั้ง Prince Group ในกัมพูชา ว่าเป็นผู้บงการการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล แต่ยังกล่าวหาอย่างตรงไปตรงมาว่า รัฐบาลสหรัฐฯ น่าจะใช้เทคนิคการแฮกเพื่อขโมย Bitcoin จำนวน 127,000 BTC ไปตั้งแต่ปี 2020 แล้ว
หลักฐานทางเทคนิคที่ชวนให้สงสัย
รายงานของจีนได้สร้างไทม์ไลน์โดยอาศัยบันทึกสาธารณะของบล็อกเชน (blockchain) เพื่อติดตามต้นทางของเหรียญที่ถูกขโมยจาก กลุ่มขุดเหมือง LuBian (LuBian mining pool) ในปี 2020 โดยพบข้อสังเกตที่ผิดปกติอย่างยิ่ง:
ลักษณะการโจรกรรม: ธุรกรรมการโจรกรรมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2020 มีค่าธรรมเนียมเท่ากันทั้งหมด ซึ่งบ่งชี้ว่าการโจรกรรมดำเนินการโดย สคริปต์การโอนแบบชุดอัตโนมัติ (automated batch transfer script) ที่มีความแม่นยำสูง
ระยะเวลาของการหยุดนิ่ง: Bitcoin จำนวนดังกล่าวถูกเก็บไว้นิ่ง ๆ ในกระเป๋าดิจิทัลของผู้โจมตีเป็นเวลานานเกือบสี่ปี (ธันวาคม 2020 ถึง มิถุนายน 2024) ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ เบี่ยงเบน จากรูปแบบทั่วไปของอาชญากรไซเบอร์ที่มักจะรีบ ชำระบัญชี (liquidation) ทันที CVERC ชี้ว่าลักษณะนี้สอดคล้องกับปฏิบัติการของ หน่วยงานรัฐ
การโอนไปยังกระเป๋าสหรัฐฯ: การวิเคราะห์ในระยะที่สี่ (มิถุนายน-กรกฎาคม 2024) พบว่า Bitcoin ถูกโอนไปยังกระเป๋าดิจิทัลที่ถูก ARKHAM เครื่องมือติดตามบล็อกเชนชื่อดังของสหรัฐฯ ติดแท็ก ว่าเป็น ทรัพย์สินของรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนที่ DOJ จะประกาศยึดทรัพย์อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025
ข้อกล่าวหาว่าด้วยการ "ยึดทรัพย์โดยอาศัยการแฮก"
CVERC สรุปว่า ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดบ่งชี้ว่า การยึดทรัพย์โดยรัฐบาลสหรัฐฯ แท้จริงแล้วคือ การขโมยทรัพย์สินที่ถูกขโมยมาอีกทอดหนึ่ง (seizure of stolen goods) โดยมีเทคนิคการแฮกจากปี 2020 เป็นจุดเริ่มต้น
นอกจากนี้ การวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์ของ CVERC ยังได้ โต้แย้งคำกล่าวอ้างของ DOJ ที่ระบุว่าเงินทุนทั้งหมดมาจาก การดำเนินงานที่ผิดกฎหมาย (illegal proceeds) โดยรายงานระบุว่าเหรียญส่วนใหญ่มาจาก การขุดอิสระ และ ศูนย์ซื้อขาย (exchanges)
ความมั่นคงทางไซเบอร์ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
นอกเหนือจากข้อกล่าวหาเชิงภูมิรัฐศาสตร์ รายงาน CVERC ยังเน้นย้ำถึงความเปราะบางของระบบนิเวศคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงเชิงระบบใน กระบวนการสร้างตัวเลขสุ่ม (random-number generation) และการใช้อัลกอริทึมการสร้าง คีย์ส่วนตัว (private key) แบบกำหนดเองที่ไม่มีความปลอดภัย
รายงานได้เสนอมาตรการป้องกันที่เข้มงวด เช่น การใช้ โปรโตคอลหลายลายเซ็น (multi-signature) และ โซลูชัน Cold Storage สำหรับกลุ่มขุดเหมือง และเตือนผู้ใช้รายย่อยให้หลีกเลี่ยงโมดูลสร้างคีย์ที่ไม่ได้รับการยืนยันจากชุมชนโอเพนซอร์ส
เหตุการณ์นี้ได้นำประเด็นเรื่อง อำนาจอธิปไตยทางไซเบอร์ (cyber sovereignty) และ การควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล (digital asset control) เข้าสู่ใจกลางเวทีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยการกล่าวหาของหน่วยงานรัฐของจีนต่อสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการต่อสู้เพื่ออำนาจเหนือดิจิทัลในอนาคต
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.globaltimes.cn/page/202511/1347745.shtml