.
WGC ชี้ทองคำปี 2026 มีสิทธิบวก 30% หรือร่วง 20% ขึ้นกับ 3 สถานการณ์เศรษฐกิจโลก
5-12-2025
Kitco News รายงานว่า สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) ได้เผยแพร่รายงานแนวโน้มทองคำประจำปี 2026 โดยระบุว่า แม้ว่าราคาทองคำในปีหน้าจะยังคงถูกกำหนดโดยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ร้อนแรง แต่ปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเติบโตที่ชะลอลง นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่คงอยู่ มีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำมากกว่าบั่นทอน
นักวิเคราะห์ของ WGC ชี้ว่า ปี 2025 ถือเป็นปีแห่งผลงานที่น่าทึ่งของทองคำ โดยสามารถสร้างสถิติสูงสุดตลอดกาลได้มากกว่า 50 ครั้ง และมีผลกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 60% ซึ่งนับเป็นการพุ่งขึ้นครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นการแสดงผลตอบแทนรายปีที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสี่นับตั้งแต่ปี 1971 โดยมีแรงผลักดันหลักมาจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเล็กน้อย
สำหรับปี 2026 WGC เชื่อว่าตลาดส่วนใหญ่กำลังคาดการณ์ถึงการคงอยู่ของภาวะที่เป็นอยู่ แต่ความผันผวนของข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคยังคงสร้างความไม่แน่นอนสูง WGC จึงได้วิเคราะห์ผลกระทบต่อราคาทองคำภายใต้สามสถานการณ์หลัก:
1. สถานการณ์ที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเล็กน้อย (Shallow Slip)
บริบท: หากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผู้เข้าร่วมตลาดมีความกังวลถึงโมเมนตัมที่ลดลง ตลาดจะเริ่มลดความเสี่ยง (de-risking) และเปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์ป้องกันตัว ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนตัวลง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจถูกผลักดันให้ลดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เพื่อตอบสนองต่อความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น
ผลกระทบต่อทองคำ: เป็น ภาวะกระทิงปานกลาง ปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงและเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ควบคู่ไปกับการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น จะยังคงเป็นสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนทองคำอย่างต่อเนื่อง WGC คาดว่าราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้น 5% – 15% ในปี 2026 จากระดับปัจจุบัน
2. สถานการณ์ 'วงจรมรณะ' (Doom Loop)
บริบท: สถานการณ์นี้คือการที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะชะลอตัวที่ลึกและประสานกันมากขึ้น โดยมีสาเหตุจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น ความตึงเครียดทางการค้าหรือความขัดแย้งระดับภูมิภาคที่ยังไม่คลี่คลายจะกัดกร่อนความเชื่อมั่น และนำไปสู่การที่ธุรกิจลดการลงทุน ครัวเรือนลดการใช้จ่าย ทำให้เกิด 'วงจรมรณะ' ที่เสริมแรงกันเองนี้ การเติบโตของสหรัฐฯ อ่อนแอลงอย่างมาก และเงินเฟ้อลดต่ำกว่าเป้าหมาย กระตุ้นให้ Fed ลดอัตราดอกเบี้ยอย่างดุดัน ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว
ผลกระทบต่อทองคำ: เป็น ภาวะกระทิงที่แข็งแกร่งมาก การรวมกันของผลตอบแทนที่ลดลง ความเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น และการหนีภัย (flight-to-safety) อย่างเด่นชัด จะสร้างปัจจัยสนับสนุนที่ทรงพลังอย่างยิ่งต่อทองคำ WGC ประเมินว่าราคาทองคำอาจพุ่งสูงขึ้นถึง 15% – 30% ในปี 2026 จากระดับปัจจุบัน โดยความต้องการจากกองทุน ETF ทองคำทั่วโลกจะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักอีกครั้ง
3. สถานการณ์การกลับมาของภาวะเงินเฟ้อ (Reflation Return)
บริบท: ในทางกลับกัน สถานการณ์นี้เกิดขึ้นได้หากนโยบายของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประสบความสำเร็จ นำไปสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้จากแรงสนับสนุนทางการคลัง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะบีบให้ Fed ต้องคงอัตราดอกเบี้ยในปี 2026 หรืออาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นไปอีก ส่งผลให้ผลตอบแทนระยะยาวเพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น
ผลกระทบต่อทองคำ: เป็น ภาวะหมี (Bearish) ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งขึ้น และการเปลี่ยนแปลงสู่การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง (risk-on) จะเป็นแรงกดดันอย่างหนักต่อทองคำ ทำให้เกิดการปรับฐานราคา 5% – 20% จากระดับปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดในรายงานนี้
ปัจจัยเสริมนอกเหนือการคาดการณ์ (Wildcards)
WGC ระบุว่า ความต้องการจากธนาคารกลางและการรีไซเคิลทองคำถือเป็น ไพ่ลับ (Wildcards) ที่สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาด: ความต้องการจากธนาคารกลาง: การซื้อของธนาคารกลาง โดยเฉพาะจากประเทศตลาดเกิดใหม่ ยังคงอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป หากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น การซื้อของกลุ่มประเทศ EM ก็อาจเร่งตัวขึ้นและเสริมสร้างการสนับสนุนเชิงโครงสร้างให้กับทองคำ
การรีไซเคิลและหลักทรัพย์ค้ำประกัน: อุปทานจากการรีไซเคิลค่อนข้างเงียบในปีที่ผ่านมา เนื่องจากทองคำถูกนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (โดยเฉพาะในอินเดีย) หากทองคำยังคงถูกใช้เป็นหลักประกันแทนที่จะถูกนำไปรีไซเคิล จะยังคงให้การสนับสนุนราคาทองคำที่สูงขึ้น แต่หากเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรุนแรง ก็อาจกระตุ้นให้เกิดการชำระบัญชีหลักประกันทองคำโดยไม่สมัครใจ ซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาดรองและกดดันราคาได้
บทสรุปของ WGC คือ แม้ว่าราคาปัจจุบันจะสะท้อนความคาดหวังฉันทามติของตลาด แต่การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า แรงกดดันจากการเติบโตที่ชะลอตัว นโยบายผ่อนคลาย และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนราคาทองคำมากกว่าบั่นทอน และบทบาทของทองคำในฐานะเครื่องมือกระจายความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ยังคงมีความสำคัญสูงสุดในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวนเช่นทุกวันนี้
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.kitco.com/news/article/2025-12-04/doom-loop-scenario-slowing-global-growth-2026-could-see-usd-10-yr-yields