ความกลัวการหยุดชะงักในช่องแคบฮอร์มุซพุ่งสูงขึ้น หลังอดีตรัฐมนตรีอิหร่านขู่จำกัดการเดินเรือผ่านช่องแคบ

19-6-2025

   การคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์แตะหลักสามหลักของ JPMorgan อาจกลายเป็นความจริงในไม่ช้านี้ เนื่องจากความเสี่ยงความขัดแย้งในและรอบช่องแคบฮอร์มุซทวีความรุนแรงขึ้น ช่องทางน้ำนี้ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าสินค้าน้ำมันประมาณ 20% ของทั่วโลก ถือเป็นจุดคอขวดทางทะเลที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การหยุดชะงักใด ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดทางทหารระหว่างอิหร่านและอิสราเอลเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการไหลของพลังงานทั่วโลกและทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น

   สัญญาณที่น่ากังวลที่สุดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการหยุดชะงักทางทะเลในช่องแคบฮอร์มุซ ปรากฏขึ้นในช่วงกลางคืนผ่านข้อความบนแพลตฟอร์ม X โดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของอิหร่าน อีหซาน ขานดูซี แม้จะเป็นข้อความที่ไม่เป็นทางการ แต่ช่วงเวลาที่ประกาศและตำแหน่งที่สูงของผู้กล่าวอาจสะท้อนถึงท่าทีของรัฐบาลหรือเป็นการเตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น

   “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เป็นเวลา 100 วัน เรือบรรทุกน้ำมันและเรือบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จะไม่สามารถผ่านช่องแคบนี้ได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากอิหร่าน” ขานดูซีกล่าว

   เขาย้ำว่า “นโยบายนี้จะเด็ดขาดหากดำเนินการอย่างทันท่วงที การล่าช้าใด ๆ ในการดำเนินนโยบายนี้ หมายถึงการต้องทนต่อสงครามภายในประเทศมากขึ้น การต่อสู้ของทรัมป์ต้องจบลงด้วยการผสมผสานระหว่างเศรษฐกิจและความมั่นคง”

   ข้อความเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อนำมาประกอบกับกิจกรรมทางทะเลของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ในภูมิภาค ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่ IRGC จะดำเนินการโจมตีเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ในช่องแคบนี้ ความตึงเครียดที่ทวีขึ้นนี้อาจกลายเป็นตัวเร่งให้คำทำนายราคาน้ำมันเบรนท์ที่ 120–130 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลของ JPMorgan กลายเป็นความจริงในตลาด

   ส่วนบางตอนจากบันทึกฉบับเต็มของ JPMorgan: การปิดล้อมช่องแคบฮอร์มุซ — ช่องทางเดินเรือน้ำมันที่มีการใช้งานมากที่สุดในโลก — จะทำให้การค้าสินค้าน้ำมันในภูมิภาคนี้หยุดชะงัก และส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ช่องแคบแคบนี้ — ที่แคบที่สุดกว้างเพียง 21 ไมล์ (33 กิโลเมตร) — ซึ่งแยกสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน และอิหร่านออกจากกัน เชื่อมต่ออ่าวเปอร์เซียกับมหาสมุทรอินเดีย และเป็นเส้นทางสำคัญที่รองรับการขนส่งน้ำมันทางเรือประมาณ 30% ของโลก และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ประมาณ 20% ของโลก (ดูตารางที่ 1)

IMCT News