.

ผู้ประท้วงทั่วทวีปยุโรปเรียกร้องให้นานาชาติเข้าแทรกแซงเพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา
27-5-2025
ผู้ประท้วงหลายพันคนในกรุงเบอร์ลิน ปารีส และสตอกโฮล์ม เรียกร้องให้รัฐบาลของตนยุติความเงียบเฉยต่อสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในกาซา พร้อมกระตุ้นให้มีการแทรกแซงจากนานาชาติและมาตรการคว่ำบาตรต่อระบอบอิสราเอลโดยทันที ที่กรุงเบอร์ลิน ผู้คนหลายพันคนรวมตัวกันเมื่อวันเสาร์ที่จัตุรัสโอรานิเอนพลัทซ์ เพื่อประท้วงการโจมตีทางอากาศและการรุกรานภาคพื้นดินที่ทวีความรุนแรงขึ้นของอิสราเอลในฉนวนกาซา
กลุ่มผู้ประท้วงตะโกนคำขวัญ เช่น “เสรีภาพเพื่อปาเลสไตน์” “เยอรมนีให้เงิน อิสราเอลทิ้งระเบิด” “อิสราเอลคือรัฐก่อการร้าย” และ “หยุดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
ผู้ประท้วงชาวเยอรมันยืนยันว่า ไม่มีบุคคลหรือรัฐใดมีสิทธิ์ปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทั้งกลุ่ม ขับไล่พวกเขาออกจากถิ่นฐาน หรือกระทำความรุนแรงใด ๆ ต่อพวกเขา ผู้ประท้วงบางรายที่มีเชื้อสายยิวก็เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ด้วย ที่กรุงปารีส กลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิชาวปาเลสไตน์ได้รวมตัวกันที่จัตุรัสบูร์ส เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรอิสราเอล และเปิดทางให้ขบวนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซาโดยปราศจากการขัดขวาง
ผู้ประท้วงชาวปารีสเน้นย้ำถึงความอดอยากรุนแรงในกาซาซึ่งเป็นผลจากการปิดล้อมโดยอิสราเอล โดยพวกเขาเคาะหม้อและกระทะเปล่า พร้อมตะโกนคำขวัญอย่าง “อิสราเอลคือฆาตกร มาครงคือผู้สมรู้ร่วมคิด” และ “มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา เราจะไม่เงียบ”
มีย์รียม ผู้ประท้วงวัย 44 ปี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เธอเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อต่อต้านการสนับสนุนของรัฐบาลฝรั่งเศสต่ออิสราเอล และเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับประชาชนชาวปาเลสไตน์ที่กำลังเผชิญความทุกข์ทรมาน เธอระบุว่า ข้อจำกัดต่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ส่งไปยังกาซาเป็นสิ่งที่ “ไร้มนุษยธรรม” และเป็น “เรื่องอื้อฉาว” พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนลุกขึ้นเคลื่อนไหวโดยทันที
ที่กรุงสตอกโฮล์ม มีผู้คนหลายร้อยคนรวมตัวกันที่จัตุรัสโอด็องแพลน ตามคำเชิญขององค์กรภาคประชาสังคมหลากหลายกลุ่ม ที่เรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนดำเนินการต่อต้านอาชญากรรมสงครามของอิสราเอลที่ยังดำเนินอยู่ในกาซา ผู้ประท้วงได้เดินขบวนไปยังกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน พร้อมตะโกนคำขวัญว่า “เสรีภาพเพื่อปาเลสไตน์” และ “ไม่เอาแผนของเนทันยาฮู”
ลาร์ส อูลี นักเคลื่อนไหวชาวสวีเดนซึ่งเข้าร่วมการประท้วง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ที่สวีเดนยังคงนิ่งเฉยต่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์โดยอิสราเอล
อูลีเน้นว่า มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซามากกว่า 50,000 คน รวมถึง เด็กกว่า 15,000 คน และเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อการล้างเผ่าพันธุ์และการยึดครองฉนวนกาซา
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ระบอบอิสราเอลได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวที่มีอายุสองเดือนกับกลุ่มฮามาส โดยกลับมาโจมตีฉนวนกาซาซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นอย่างไร้ความจำแนก ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกนับพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาได้ทรุดหนักลงอย่างรุนแรง เนื่องจากระบอบอิสราเอลจำกัดการนำเข้าอาหาร เชื้อเพลิง ยา และน้ำเข้าสู่พื้นที่อย่างเข้มงวด
นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่ฉนวนกาซาถูกปิดล้อมโดยสมบูรณ์ยาวนานที่สุด นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ตามรายงานของระบบการจำแนกความมั่นคงด้านอาหารแบบบูรณาการ (IPC) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ ฉนวนกาซาอยู่ในระดับ ภาวะทุพโภชนาการขั้นวิกฤต (Phase 5) และมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเกือบ 71,000 คน ที่เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารเฉียบพลัน
IPC กำหนดระดับที่ 5 หรือ "ภาวะอดอยาก" ว่าเป็นสถานการณ์ที่อย่างน้อยหนึ่งในห้าของครัวเรือนเผชิญกับการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง เสี่ยงต่อความอดอยากขั้นร้ายแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลันขั้นวิกฤต ความยากไร้อย่างถึงที่สุด และการเสียชีวิต
Press TV
-----------------------------
เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์บอกว่าทรัมป์ต้องหลุดพ้นจาก “อิทธิพลของอิสราเอล หากต้องการบรรลุเป้าหมายของตน”
27-5-2025
เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์ เชค นายิม กอเซ็ม (Sheikh Naim Qassem) กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะต้องหลุดพ้นจาก “อิทธิพลของอิสราเอล หากต้องการบรรลุเป้าหมายของตน” เชคกอเซ็มกล่าวถ้อยแถลงดังกล่าวในโอกาสวันแห่งการต่อต้านและปลดปล่อย (Resistance and Liberation Day) เมื่อวันอาทิตย์ โดยระบุเพิ่มเติมว่า ทรัมป์ควรถือโอกาสนี้ปลดภาระที่ชื่อว่าอิสราเอลออกไปจากตนเอง
“สหรัฐฯ กำลังละเมิดอธิปไตยของเลบานอน และจะไม่มีทางสามารถบังคับใช้เงื่อนไขของการยึดครองได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยการเสียสละหรือการเผชิญหน้ามากเพียงใดก็ตาม” เขากล่าว
“การต่อต้านคือทางเลือกเดียวของการปลดปล่อย”
เชค นายิม กอเซ็ม เริ่มต้นสุนทรพจน์ของเขาโดยกล่าวว่า การต่อต้านได้พัฒนาจากโครงการหนึ่งไปสู่การเป็นเสาหลักถาวรของเลบานอน นับตั้งแต่การขับไล่การยึดครองของอิสราเอล “การต่อต้านคือทางเลือกเดียวของการปลดปล่อย” เขากล่าวอย่างชัดเจน
เขากล่าวว่า ขบวนการต่อต้านถือกำเนิดขึ้นจากความจำเป็นในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคาม และกลายเป็นพลังสนับสนุนตามธรรมชาติของกองทัพ
ผู้นำฮิซบุลเลาะห์ระบุว่า การเกิดขึ้นของการต่อต้านเป็นปฏิกิริยาโดยธรรมชาติของประชาชนผู้ภาคภูมิใจ ที่ปฏิเสธความอัปยศ การยึดครอง และการยอมจำนนต่อศัตรูอย่างอิสราเอล
“ขบวนการต่อต้านเริ่มเติบโตขึ้นในทศวรรษ 1960 และ 1970 โดยอิหม่าม ซัยยิด มูซา อัซ-ซัรด์ (Imam Sayyed Musa al-Sadr) ได้กลายเป็นผู้นำของการต่อต้าน ผ่านการก่อตั้งขบวนการแห่งผู้ถูกกดขี่ (Movement of the Deprived)” เขากล่าว
“หลังจากการรุกรานของอิสราเอลในปี 1982 การยึดครองยังคงดำเนินต่อไป และพยายามบังคับใช้ข้อตกลงที่น่าอัปยศในวันที่ 17 พฤษภาคม ปี 1983 อย่างไรก็ตาม การต่อต้านที่แท้จริงในระดับประชาชน ผู้นำศาสนา และระดับชาติ โดยร่วมมือกับซีเรีย สามารถขัดขวางข้อตกลงนั้นไว้ได้” เชคกอเซ็มกล่าว
เขาระบุว่า ตั้งแต่ปี 1985 ถึง 2000 พื้นที่ชายแดนตอนใต้ยังอยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล และการต่อต้านได้กลายเป็นหัวใจของการต่อสู้
“นับตั้งแต่ปี 1978 แม้จะมีมติจากนานาชาติ แต่อิสราเอลก็ยังไม่ถอนกำลังออก ทำให้การต่อต้านและการเสียสละอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็น” เขากล่าว
เชคกอเซ็มกล่าวว่า อิสราเอลถอนตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ ในคืนวันที่ 24 พฤษภาคม ปี 2000 โดยไม่ได้แจ้งพันธมิตรท้องถิ่นของตน วันที่ 25 พฤษภาคมจึงถูกประกาศให้เป็น วันแห่งการต่อต้านและการปลดปล่อย (Resistance and Liberation Day) “วันที่ 25 พฤษภาคม 2000 คือชัยชนะครั้งใหญ่ของขบวนการต่อต้านและประชาชน ที่สามารถทำลายอำนาจของอิสราเอล และบังคับให้มันถอนกำลังออกจากตอนใต้ของเลบานอนได้อย่างไม่มีเงื่อนไข” เขากล่าว
“ไม่มีการตอบโต้ด้วยความรุนแรงหลังการถอนตัว พันธมิตรท้องถิ่นของอิสราเอลถูกส่งมอบให้กับรัฐเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ประชาชนได้รับความมั่นใจ และไม่มีความขัดแย้งทางศาสนาปะทุในพื้นที่ที่ได้รับการปลดปล่อย” เชคกอเซ็มกล่าวเสริม
‘อัญมณีแห่งการต่อต้าน’
เขายกย่อง เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์ผู้พลีชีพ ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลเลาะห์ (Sayyed Hassan Nasrallah) ว่าเป็น “อัญมณีแห่งการต่อต้านที่นำชัยชนะมาสู่ประชาชน” “เครดิตแห่งการปลดปล่อยนี้ ขอมอบแด่พระเจ้าเป็นลำดับแรก จากนั้นคือ อิหม่าม ซัยยิด มูซา อัซ-ซัรด์ และเหล่าผู้นำแห่งการต่อต้านผู้สละชีพ ได้แก่ เชค รอฆิบ ฮัรบ (Sheikh Ragheb Harb), ซัยยิด อับบาส อัล-มูซาวี (Sayyed Abbas al-Mousawi) และ ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลเลาะห์” เขากล่าว
Press TV