.

อังกฤษ-ฝรั่งเศส-เยอรมนี-สหรัฐฯ ปลดล็อกอาวุธพิสัยไกลให้ยูเครนโจมตีดินแดนรัสเซียไร้ข้อจำกัด
27-5-2025
นายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมิร์ซ แห่งเยอรมนีประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ประเทศมหาอำนาจตะวันตกสี่ประเทศหลักได้ยกเลิกข้อจำกัดระยะการยิงอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ส่งให้ยูเครนแล้ว โดยรวมถึงสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี การตัดสินใจครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินสงครามในยูเครน เนื่องจากช่วยให้กิเอฟสามารถใช้อาวุธที่ได้รับจากประเทศพันธมิตรโจมตีเป้าหมายในดินแดนรัสเซียได้อย่างเต็มศักยภาพ
## คำประกาศของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี
เมิร์ซให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ WDR โดยระบุว่า "ขณะนี้ไม่มีข้อจำกัดระยะยิงอาวุธที่ส่งให้ยูเครนอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นจากอังกฤษ ฝรั่งเศส เรา หรือสหรัฐอเมริกา สิ่งนี้หมายความว่าตอนนี้ยูเครนสามารถป้องกันตัวเองได้แล้ว รวมถึงการโจมตีฐานทหารในดินแดนรัสเซียด้วย ก่อนหน้านี้จนถึงจุดหนึ่ง ยูเครนไม่สามารถกระทำเช่นนี้ได้"
การประกาศดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญของประเทศพันธมิตรตะวันตก ซึ่งก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าการอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ได้รับโจมตีดินแดนรัสเซียอาจนำไปสู่การขยายความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น
## การตอบสนองจากรัสเซีย
ก่อนหน้าการประกาศของเมิร์ซในวันเดียวกัน โฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ ได้ออกมาชี้แจงจุดยืนของมอสโกว์ โดยกล่าวหายูเครนกำลังโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพลเรือนของรัสเซีย
เปสคอฟยืนยันว่าการโจมตีเป้าหมายทางทหารในยูเครนของรัสเซียเป็นการตอบโต้การกระทำของกิเอฟ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของความตึงเครียดระหว่างสองฝ่าย
## สถานการณ์การต่อสู้ล่าสุด
กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียได้สกัดกั้นและยิงโดรนของยูเครนตก 148 ลำเหนือภูมิภาคต่างๆ ของประเทศในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มข้นของการโจมตีด้วยโดรนจากฝ่ายยูเครน ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่กิเอฟใช้อย่างแพร่หลายในการโจมตีเป้าหมายทั้งทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานของรัสเซีย
## ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
การยกเลิกข้อจำกัดระยะยิงครั้งนี้มีนัยสำคัญหลายประการต่อการดำเนินสงคราม ประการแรก ยูเครนจะสามารถโจมตีฐานทัพ ศูนย์บัญชาการ และสิ่งอำนวยความสะดวกทางโลจิสติกส์ของรัสเซียที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนได้มากขึ้น
ประการที่สอง การตัดสินใจนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประเทศพันธมิตรตะวันตกในการสนับสนุนยูเครน แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่อาจกระตุ้นให้รัสเซียตอบโต้รุนแรงขึ้น
ประการที่สาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้อาจส่งผลต่อพลวัตของการเจรจาสันติในอนาคต เนื่องจากให้ยูเครนมีอำนาจต่อรองที่แข็งแกร่งขึ้นจากการมีขีดความสามารถทางทหารที่เพิ่มขึ้น
## บริบทของการเปลี่ยนแปลงนโยบาย
การตัดสินใจยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการถกเถียงกันนานในหมู่ประเทศพันธมิตรเกี่ยวกับขอบเขตการใช้อาวุธที่ส่งให้ยูเครน ก่อนหน้านี้ ประเทศต่างๆ มีความกังวลว่าการอนุญาตให้ยูเครนโจมตีดินแดนรัสเซียด้วยอาวุธที่ได้รับจากตะวันตกอาจถูกมองว่าเป็นการเข้าร่วมสงครามโดยตรง
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการในสมรภูมิรบและการที่รัสเซียเพิ่มความรุนแรงของการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนของยูเครน ทำให้ประเทศพันธมิตรปรับเปลี่ยนจุดยืนและให้การสนับสนุนที่เข้มแข็งขึ้น
การประกาศของนายกรัฐมนตรีเมิร์ซในครั้งนี้จึงเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญนี้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อทิศทางของสงครามรัสเซีย-ยูเครนในระยะต่อไป
---
IMCT NEWS
--------------------
เครมลินชี้: ตะวันตกอนุญาตให้อาวุธพิสัยไกลแก่ยูเครน ขัดต่อความพยายามสันติภาพ
27-5-2025
โฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การตัดสินใจของประเทศผู้สนับสนุนยูเครนในฝั่งตะวันตกที่อนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกล โจมตีเป้าหมายในรัสเซีย เป็นสิ่งที่ขัดแย้งอย่างชัดเจนกับความพยายามของมอสโกในการหาทางยุติสงครามอย่างสันติ เปสคอฟแสดงความเห็นนี้เพื่อตอบโต้ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ฟรีดริช เมิร์ซ ซึ่งกล่าวว่า ขณะนี้ยูเครนไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดด้านระยะยิงของอาวุธที่ได้รับจากชาติตะวันตกอีกต่อไป “หากการตัดสินใจเช่นนี้เกิดขึ้นจริง ก็เป็นสิ่งที่ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับความมุ่งหวังในการหาทางออกทางการเมือง และกับความพยายามในการยุติความขัดแย้งในปัจจุบัน” เปสคอฟกล่าว และเน้นว่า “เป็นการตัดสินใจที่อันตรายมาก หากมีขึ้นจริง”
ที่การประชุม EuropaForum เมื่อวันจันทร์ เมิร์ซกล่าวว่า “ไม่มีข้อจำกัดระยะยิงอีกต่อไป” สำหรับอาวุธที่ประเทศในตะวันตกจัดหาให้ยูเครนเพื่อใช้โจมตีเป้าหมายทางทหารของรัสเซีย “ไม่มีข้อจำกัดจากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี หรือสหรัฐฯ” เขาระบุ โดยอ้างอิงจากรายงานของ Euronews
มอสโกเคยเตือนชาติตะวันตกหลายครั้งไม่ให้สนับสนุนยูเครนในการโจมตีพิสัยไกล โดยชี้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจถือว่าเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในสงคราม เพราะยูเครนไม่มีศักยภาพด้านข้อมูลเป้าหมายเอง ต้องพึ่งพาดาวเทียมของ NATO
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว รัสเซียได้ปรับปรุงหลักคำสอนนิวเคลียร์ของตน โดยเพิ่มเงื่อนไขใหม่ที่อนุญาตให้มีการตอบโต้นิวเคลียร์ในกรณีที่รัฐหรือกลุ่มรัฐที่ไม่ใช่นิวเคลียร์กระทำการรุกรานโดยได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งอาจถือเป็น “การโจมตีร่วม”
นับแต่นั้น กองกำลังยูเครนได้เปิดฉากโจมตีพิสัยไกลหลายครั้งภายในอาณาเขตรัสเซีย โดยใช้อาวุธจากตะวันตก แม้จะมีการปรับคำสอนนิวเคลียร์ รัสเซียยังคงระบุว่า อาวุธนิวเคลียร์เป็น “มาตรการสุดท้ายและจำเป็น” และย้ำถึงเป้าหมายในการหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้ง
รัสเซียประณามการส่งอาวุธของชาติตะวันตกมายังยูเครนมาโดยตลอด โดยกล่าวว่าสิ่งนี้ยิ่งทำให้การนองเลือดเพิ่มขึ้น และขัดขวางกระบวนการสันติภาพ
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา รัสเซียและยูเครนได้จัดการเจรจาโดยตรงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022 โดยทั้งสองฝ่ายตกลงจะเสนอข้อเสนอหยุดยิงโดยละเอียด ดำเนินการแลกเปลี่ยนนักโทษครั้งใหญ่ 1,000 ต่อ 1,000 ราย และสานต่อการเจรจา
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า มอสโกอยู่ใน “ขั้นตอนขั้นสูง” ของการจัดทำบันทึกความเข้าใจที่ระบุหลักการและกรอบเวลาสำหรับข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน
ที่มา อาร์ที