มาร์โก รูบิโอ ประกาศสหรัฐจะเริ่มเพิกถอนวีซ่านร.จีน

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ ประกาศว่า สหรัฐจะเริ่มเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีนอย่าง "เข้มข้น"
30-5-2025
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ประกาศว่าสหรัฐฯ จะเริ่ม “เพิกถอนวีซ่านักเรียนจีนอย่างเข้มข้น” โดยเฉพาะผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือกำลังศึกษาในสาขาที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
หากนโยบายนี้นำมาใช้กับนักเรียนจีนในสหรัฐฯ จำนวนมาก ซึ่งมีอยู่หลายแสนคน อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรายได้หลักของมหาวิทยาลัยอเมริกัน และแหล่งบุคลากรสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มุ่งผลักดันนโยบายควบคุมการตรวจคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวด โดยรวมถึงการเนรเทศและการเพิกถอนวีซ่านักเรียน
รูบิโอกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศจะปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกวีซ่าใหม่ เพื่อเพิ่มการตรวจสอบวีซ่าทั้งหมดจากจีนและฮ่องกง “กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะร่วมกับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ในการเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีนอย่างเข้มข้น” เขาระบุ
สถานทูตจีนในกรุงวอชิงตันยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในทันที ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนเคยให้คำมั่นว่าจะ “ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของนักเรียนจีนในต่างประเทศอย่างแน่วแน่” หลังจากรัฐบาลทรัมป์เพิกถอนสิทธิของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับนักเรียนต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน จีนยังเป็นศูนย์กลางของสงครามการค้าที่ทรัมป์เปิดฉากขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเงินโลก, ห่วงโซ่อุปทาน และเสี่ยงทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างรุนแรง การยกเลิกวีซ่านักเรียนจีนเกิดขึ้นแม้จะมีการพักข้อพิพาททางการค้าชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ นักเรียนต่างชาติ โดยเฉพาะจากอินเดียและจีน (รวมกันคิดเป็น 54%) สร้างรายได้ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023
ความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ กับจีนตกอยู่ภายใต้การตรวจสอบ
กระทรวงการต่างประเทศมีอำนาจในการออกและเพิกถอนวีซ่าอย่างกว้างขวาง สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทรัมป์ได้อ้างถึงความเชื่อมโยงของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกับจีนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เพิกถอนสิทธิในการรับนักเรียนต่างชาติ ซึ่งถูกผู้พิพากษาของสหรัฐฯ ระงับไว้ชั่วคราว
คำแถลงของรูบิโอไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะเพิกถอนวีซ่าในวงกว้างแค่ไหน แต่แม้จะเพิกถอนเพียงจำนวนน้อยก็อาจกระทบต่อกระแสของนักเรียนจีนที่แห่มาศึกษาในสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐฯ กลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักเรียนจีนที่ต้องการหลีกเลี่ยงระบบการศึกษาที่แข่งขันสูงในจีน และต้องการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ โดยนักเรียนเหล่านี้มักมาจากครอบครัวที่มีฐานะ ซึ่งสามารถจ่ายค่าเรียนได้
หลายคนยังคงอยู่ในสหรัฐฯ หลังเรียนจบ และมีบทบาทสำคัญในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงตลาดแรงงานของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม จำนวนนักเรียนจีนในสหรัฐฯ ลดลงเหลือประมาณ 277,000 คนในปี 2024 จากจุดสูงสุดที่ 370,000 คนในปี 2019 เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน การตรวจสอบของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบจากโควิด-19
ในขณะที่การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนรุนแรงขึ้นจนบางฝ่ายมองว่าเป็นสงครามเย็นยุคใหม่ หน่วยงานของสหรัฐฯ และรัฐสภาได้เพิ่มการตรวจสอบอิทธิพลของรัฐจีนและการถ่ายโอนเทคโนโลยีในมหาวิทยาลัยอเมริกัน รัฐบาลวอชิงตันกังวลมากขึ้นว่าปักกิ่งใช้ระบบวิจัยเปิดและได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงการควบคุมการส่งออกและกฎหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติ
การตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้นและความไม่แน่นอนเรื่องวีซ่า ทำให้นักเรียนจีนหลายคนเลือกไปเรียนในยุโรปแทน และผู้สำเร็จการศึกษาหลายคนกลับจีนเพื่อประกอบอาชีพ
หย่าชิว หวัง (Yaqiu Wang) นักวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ซึ่งเคยมาเรียนในอเมริกา กล่าวว่า ปักกิ่งอาศัยความเปิดกว้างของระบบการศึกษาในสหรัฐฯ เพื่อจารกรรมและขโมยทรัพย์สินทางปัญญา แต่เธอเรียกคำประกาศของรูบิโอว่า “น่ากังวลอย่างยิ่ง”
“การเพิกถอนวีซ่าในวงกว้างจะไม่เพียงแต่คุกคามสิทธิและอนาคตของนักเรียนจีนในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังอาจบ่อนทำลายความเป็นผู้นำของอเมริกาในด้านนวัตกรรมวิทยาศาสตร์ระดับโลกด้วย” เธอกล่าว
ในรัฐบาลทรัมป์ยุคแรก ไมค์ ปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นผู้นำการผลักดันให้มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ตัดความสัมพันธ์กับศูนย์วัฒนธรรม "สถาบันขงจื๊อ" ซึ่งได้รับเงินทุนจากรัฐบาลจีน โดยกล่าวหาว่าศูนย์เหล่านี้ส่งเสริม “โฆษณาชวนเชื่อและอิทธิพลที่เป็นภัย” ของจีน และใช้เป็นแหล่งสรรหาสายลับ
ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ จึงตัดสัมพันธ์กับสถาบันดังกล่าว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ระงับการนัดหมายใหม่สำหรับการขอวีซ่านักเรียนและผู้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนทั้งหมด ตามรายงานภายใน รัฐบาลทรัมป์ยังได้เพิ่มการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักเรียนต่างชาติ และต้องการขยายการเนรเทศและเพิกถอนวีซ่าให้กว้างขึ้น เพื่อตอบสนองต่อวาระการควบคุมคนเข้าเมืองที่เข้มงวด
CNBC