รัสเซีย-ยูเครน การเจรจารอบ 3 ไร้ผลสำคัญ

รัสเซีย-ยูเครน การเจรจารอบ 3 ไร้ผลสำคัญ ไม่หวั่นเส้นตาย 50 วันของทรัมป์
26-7-2025
มีรายงานจาก Asia Time ความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพนครอิสตันบูล ว่า รัสเซีย-ยูเครน "ยื้อเวลา" ไม่ขยับเข้าหาข้อตกลง แม้ถูกทรัมป์ตั้งเส้นตายหยุดยิง
ตัวแทนเจรจาของรัสเซียและยูเครนได้พบปะหารือกันเป็นครั้งที่สามนับตั้งแต่การกลับมาเปิดเจรจาต่อหน้าโดยตรงในเดือนพฤษภาคม ทว่าแม้จะมีความพยายามกลับมาพูดคุย ความคาดหวังก็ยังต่ำมาก รอบนี้ใช้เวลาเพียง 40 นาที และผู้นำคณะเจรจาคือ รุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) อดีตรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน กับวลาดิเมียร์ เมดินสกี (Vladimir Medinsky) ที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ของรัสเซีย
ผลลัพธ์หลักมีเพียงความคืบหน้าเรื่องการแลกเปลี่ยนนักโทษและการตกลงร่วมกันก่อตั้งคณะทำงาน 3 กลุ่มย่อยด้านการเมือง การทหาร และประเด็นมนุษยธรรม ซึ่งจะหารือกันทางออนไลน์เป็นหลัก
สิ่งที่ชัดเจนคือ สองฝ่ายยังห่างไกลกันมากในแง่ "เส้นแดง" เงื่อนไขหยุดยิงและสันติภาพ รัสเซียยังยืนยันให้ "ยอมรับดินแดนที่ถูกยึดครอง", จำกัดขีดความสามารถทางทหารของยูเครน และปฏิเสธการเข้าเป็นสมาชิก NATO ขณะที่ยูเครนยืนยันต้องได้อธิปไตยเต็มที่และการคืนดินแดน รวมถึงสิทธิในการเลือกพันธมิตรเอง
แม้การหันหน้ามาคุยในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เพิ่งตั้ง “เส้นตาย 50 วัน” ให้หยุดยิง โดยขู่ว่า หากไม่มีความคืบหน้า สหรัฐฯ จะพิจารณาคว่ำบาตรครั้งใหญ่ต่อคู่ค้าการค้าของรัสเซีย เพื่อปิดรายได้สงคราม (โดยเฉพาะจากการขายน้ำมันและก๊าซให้จีน/อินเดีย) ทั้งรัสเซียและยูเครนก็ยังไม่มีท่าทีเปลี่ยนจุดยืนที่เป็นทางการ
จนถึงตอนนี้ ผ่านมา 10 วันนับแต่เส้นตายของทรัมป์เริ่มต้น การเจรจายังไม่แตกต่างจากเดิม และไม่มีสัญญาณว่าทั้งสองฝ่ายยอมปรับเงื่อนไขใด ๆ
### สถานการณ์ในสนามรบ-แรงกดดันทางการเมือง
ในสนามรบ รัสเซียยังคงเดินหน้าบุกละเลียดพื้นที่ต่อเนื่องตลอดแนว 1,000 กม. ของแนวรบยูเครน และยังเดินหน้าถล่มเมืองสำคัญ (รวมถึงเคียฟ) ด้วยฝูงโดรนและขีปนาวุธจำนวนมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนรับมือแทบไม่ไหว
อีกด้าน ยูเครนได้แรงหนุนจากสหรัฐฯ และ NATO ที่เพิ่งให้สัญญาส่งอาวุธเพิ่มเติม ซึ่งจะจ่ายเงินโดยพันธมิตร NATO และมีการรับประกันความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นหลังการประชุมสำคัญที่กรุงเฮกและโรม
ปัจจัยนี้ ประกอบกับท่าทีใหม่ของทรัมป์ที่ "ดูห่างจากปูตินมากขึ้น" และมีสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์กับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelensky) มากขึ้น ทำให้ยูเครนเชื่อว่าสถานการณ์ "ยังเป็นใจ" ขณะที่รัสเซียเองก็มั่นใจในแนวรบ จึงยังไม่มีฝ่ายใดอยากยอมถอย
### นักวิเคราะห์ชี้ "ยื้อเวลา" ไม่เปลี่ยนเกม
นักวิเคราะห์มองว่าทั้งรัสเซียและยูเครนต่างเลือก "เล่นเกมยื้อเวลา" เพื่อป้องกันการเสียเปรียบมากกว่าหวังชัยชนะทางเด็ดขาด ทั้งคู่ยังไม่เห็นจุดที่ตัวเองควรยอมแพ้ ทั้งในสนามรบหรือโต๊ะเจรจา
ในอีกมุม สถานการณ์ภายในของยูเครนกำลังซับซ้อนขึ้นมาก เซเลนสกีพยายามปรับคณะรัฐมนตรีและใช้อำนาจออกคำสั่งจำกัดองค์กรปราบทุจริต สร้างความไม่พอใจในสหภาพยุโรป (EU) และจุดชนวนการประท้วงในเมืองหลักอย่างเคียฟ ดนิโปร ลวิฟ และโอเดสซา ในขณะที่รัสเซียก็พยายามเล่นกระแส "เซเลนสกีหมดความชอบธรรม" เพื่อบ่อนทำลายขวัญประชาชน และลดทอนความเชื่อมั่นในสายตานานาชาติ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ตะวันตกชี้ว่า แม้ยุโรปจะผิดหวังกับท่าทีต่อต้านคอร์รัปชันของเซเลนสกี แต่สงครามนี้ถือเป็นเดิมพันเรื่อง “ความมั่นคงของยุโรปทั้งทวีป” ที่ไม่มีทางปล่อยให้รัสเซียชนะง่าย ๆ เพียงเพราะปัญหาทางจริยธรรมในรัฐบาลเคียฟ
### ทิศทางและความเป็นไปได้
ยังไม่เห็นแนวโน้มว่ารัสเซียจะสามารถรักษาความเข้มข้นของสงครามต่อไปได้อีกนาน หรือยูเครนจะรอดพ้นโจมตีทางอากาศและภาคพื้นเกินกว่า "ผลเล็กน้อยรายวัน" ที่เป็นอยู่
ขณะเดียวกัน แผนใหม่ของทรัมป์ในการให้อาวุธกับประเทศ NATO ในยุโรป แล้วให้ส่งต่อไปยูเครน อาจสกัดประสิทธิภาพการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย และฉุดแนวรุกภาคพื้นดินไม่ให้ก้าวหน้าต่อไป
สรุปคือ ทั้งรัสเซียและยูเครนยังเลือกเดินหน้า “สงครามแบบยื้อเวลา” มากกว่าหวังจะจบศึกทันที เป้าหมายสูงสุดของทั้งปูตินและเซเลนสกีในตอนนี้ คือ “ห้ามแพ้” ไม่ว่าจะในสนามรบหรือบนโต๊ะเจรจา ผลที่ออกมาจากการเจรจารอบนี้สะท้อนว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะยอมรับข้อตกลงเช่นนี้โดยปริยายแล้ว—คือประคองสถานการณ์ ยื้อเวลา หวังว่าจะมีจุดเปลี่ยนในอนาคต
-----
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/07/russia-ukraine-play-for-time-as-trumps-clock-winds-down/