NATO ปรับคีย์แมนรับโจทย์ทหารยุคใหม่

NATO ปรับคีย์แมนรับโจทย์ทหารยุคใหม่ เร่งลงทุนอุตฯเทคโนโลยีป้องกันยุโรป ท่ามกลางงบกลาโหมที่พุ่งสูง
26-7-2025
Yahoo Finance รายงานว่า NATO Innovation Fund ปรับทีมลงทุนใหม่ เสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีรับศึกความมั่นคงยุโรป หลังจากระดมทุนได้ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ (1 billion USD) จากประเทศสมาชิกมากกว่า 20 ชาติเมื่อสองปีที่แล้ว กองทุน NATO Innovation Fund (NIF) กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยประกาศรับสองหุ้นส่วนใหม่เข้าทีมการลงทุน และพร้อมกับการอำลาของหัวหน้าทีมผู้ร่วมก่อตั้งเดิม
แรงขับเคลื่อนด้านการลงทุนในเทคโนโลยีระบบป้องกันประเทศและ resilience หรือเทคโนโลยีรองรับความมั่นคง ได้ขยายตัวอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่ NATO ประกาศตั้งกองทุนนี้ในปี 2021 โดยเฉพาะหลังปี 2024 ที่งบวิจัย VC ของยุโรปกว่า 10% หมุนเข้าสู่ภาคเทคโนโลยีความมั่นคง ซึ่งเดิมเป็น "เขตต้องห้าม" สำหรับนักลงทุนสถาบันเกือบทั้งหมด
แต่กระแสระเบิดของเม็ดเงินนี้ กลับไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแต้มต่อจริงให้ NIF ได้ในช่วงแรก เนื่องจากปัญหาทางการบริหารทีมและการลาออกของหัวหน้าทีมชื่อดังหลายราย แม้การประชุมสุดยอด NATO 2025 ที่กรุงเฮกจะย้ำความสำคัญของกองทุน ก็ตาม
ปัจจุบัน NIF ปรับโครงสร้างใหม่เหลือหุ้นส่วนการลงทุน 3 คน จากทีมเดิมที่มี 4 หุ้นส่วนและ 1 หุ้นส่วนผู้จัดการ โดยทีมใหม่นี้ประกอบด้วยสมาชิกใหม่ 2 ราย ได้แก่ อูลริช ควาย (Ulrich Quay) ชาวเยอรมัน อดีตหัวหน้าทีมลงทุนของ BMW และผู้ก่อตั้งกองทุน BMW i Ventures กับแซนเดอร์ เฟอร์บรุกเกอ (Sander Verbrugge) นักลงทุนสาย deep tech จากเนเธอร์แลนด์ อดีตหุ้นส่วนของ Innovation Industries และเคยทำงานกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ NXP ส่วนหุ้นส่วนเดิมที่เหลือเพียงรายเดียวคือ แพทริค ชไนเดอร์-ซิคอร์สกี้ (Patrick Schneider-Sikorsky) ในลอนดอน
ขณะเดียวกัน เคลลี เฉิน (Kelly Chen) หุ้นส่วนผู้ร่วมก่อตั้งเพิ่งลาออกโดยสมัครใจเพื่อสร้าง venture ใหม่ เช่นเดียวกับคริส โอคอนเนอร์ (Chris O’Connor) ที่ออกจากทีมต้นปีนี้ โดย Kontesi หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของ NIF ยืนยันว่ากระบวนการส่งต่อหน้าที่ในคณะบอร์ดของ Chen จะสมบูรณ์ก่อนหมดวาระการทำงาน
แม้บางฝ่ายมองว่ากองทุนเคลื่อนตัวช้าไป NIF ยังยืนยันผลงาน – นับถึงปัจจุบัน ลงทุนรวม 19 ดีล (7 ในกองทุน VC อาทิ OTB Ventures และ 12 สตาร์ทอัพ เช่น Space Forge และ Tekever ผู้พัฒนาโดรนใช้งานสองทาง) ทีมใหม่จะเน้นสร้างระบบนิเวศค์เทคโนโลยีลึก (deep tech) ที่ตอบโจทย์ความมั่นคง ยืดหยุ่น และพร้อมผลิตขยายสู่ระดับอุตสาหกรรม
ในช่วงหลัง NIF ขยายงานเชิงกลยุทธ์บนสายป้องกันประเทศมากขึ้น ทีมงานเข้ามามีบทบาทในโครงการ NATO Rapid Adoption Action Plan เพื่อเร่งการใช้เทคโนโลยียุทธศาสตร์ใหม่ในกองทัพ นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งจอห์น ริดจ์ (John Ridge) เป็น Chief Adoption Officer ในปี 2024 เพื่อช่วยพอร์ตสตาร์ทอัพเชื่อมต่อกับกระบวนการจัดซื้อภาครัฐ
หุ้นส่วนใหม่ทั้งสองคนถูกสรรหาผ่านระบบการคัดเลือกโดยบอร์ด NIF และผู้ถือหุ้นจาก 24 ประเทศ ซึ่งแต่เดิมเป็นสาเหตุให้ทีมแรกขาดความกลมเกลียวราบรื่น รอบนี้ทั้งสามคีย์แมนทำงานร่วมกันมากขึ้นล่วงหน้า เพื่อสร้างวัฒนธรรมทีมที่สอดประสานกันและเปลี่ยนผ่านได้อย่างมั่นคง
ศาสตราจารย์ฟิโอนา เมอร์เรย์ (Fiona Murray) รองประธาน NIF เปรียบเสมือนกองทุนเป็นสตาร์ทอัพที่ต้องเรียนรู้และกล้าปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านเร่งรัดการลงทุน ขยายเครื่องมือช่วยสตาร์ทอัพ เสริมทัพสร้าง ecosystem และย้ำเป้าหมาย “สร้างทุนและบริษัทในระดับอุตสาหกรรมที่หนุนระบบเศรษฐกิจยุโรปทั้งวงจร”
ประธานบอร์ด เคลาส์ ฮอมเมลส์ (Klaus Hommels) แม้จะมีข้อกังวลด้านผลประโยชน์ทับซ้อนจากบทบาทนักลงทุน แต่ยังคงดำรงตำแหน่งเดิมต่อ ได้รับการรับรองจากการประชุมผู้ถือหุ้น LPs ล่าสุดที่เวนิส ผลจากโครงสร้างใหม่นี้ NIF เตรียมเดินหน้าชัดเจนในการสนับสนุน “โอกาส DSR” (Defence, Security, Resilience) และสามารถสร้างบริษัทเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ตลาดและการป้องกันในระดับอุตสาหกรรมของยุโรป
---
IMCT NEWS
ที่มา https://finance.yahoo.com/news/amid-increased-momentum-defense-nato-043055431.html