.

BBC : ผู้นำไทยเตือนว่าการปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาอาจ “ลามไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ”
26-7-2025
ผู้นำไทยเตือนว่าการปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งคร่าชีวิตไปอย่างน้อย 16 คน และทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนทั้งสองประเทศต้องพลัดถิ่น อาจ “ลามไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ”
ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การสู้รบขณะนี้มีการใช้ปืนใหญ่และอาวุธหนักอื่น ๆ รวมทั้งขยายวงไปยัง 12 จุดตามแนวชายแดน ไทยยังกล่าวหากัมพูชาว่า ยิงเข้าไปยังพื้นที่ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ และได้อพยพชาวบ้านออกจากหมู่บ้านทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีจรวดของฝ่ายกัมพูชา
ขณะที่กัมพูชาได้กล่าวหาว่าไทยใช้กระสุนคลัสเตอร์ ซึ่งเป็นอาวุธที่ถูกห้ามใช้ในหลายประเทศทั่วโลกเนื่องจากมีผลกระทบที่ไม่เลือกปฏิบัติต่อประชากรพลเรือน ไทยยังไม่ได้ตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “ยังไม่จำเป็น” ที่จะต้องมีตัวกลางจากประเทศที่สามเข้ามาเจรจาในความขัดแย้งนี้ แม้ว่าผู้นำทั่วโลกจะเรียกร้องให้หยุดยิงทันที
นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งเป็นประธานอาเซียน เคยเสนอที่จะอำนวยความสะดวกในการเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศ
“ผมยินดีต้อนรับสัญญาณบวกและความเต็มใจของทั้งกรุงเทพฯ และพนมเปญที่จะพิจารณาหนทางนี้” อันวาร์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไทย นิโกรนเดช บาลังกุราช กล่าวกับรอยเตอร์ว่าสถานการณ์นี้ต้องได้รับการแก้ไขผ่านช่องทางทวิภาคี และเสริมว่าพนมเปญต้องยุติการเคลื่อนไหวเชิงรุก
“ผมคิดว่าเรายังไม่จำเป็นต้องมีการไกล่เกลี่ยจากประเทศที่สามในตอนนี้” นิโกรนเดชกล่าว
คำกล่าวนี้มีขึ้นในขณะที่ทั้งสองประเทศรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะล่าสุด
ไทยรายงานว่ามีพลเรือน 14 รายและทหาร 1 นายเสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบ ขณะที่เจ้าหน้าที่จังหวัดในกัมพูชาระบุว่ามีพลเรือนอย่างน้อย 1 รายในจังหวัดโอดาร์มีญชีเสียชีวิต
สหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้ “ยุติการปะทะทันที ปกป้องพลเรือน และหาทางแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี”
“เรารู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อความรุนแรงที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา และรู้สึกเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพลเรือน” โทมี พิก็อต โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในงานแถลงข่าวประจำ
จีนซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการเมืองและยุทธศาสตร์กับกัมพูชาและไทย กล่าวว่า รู้สึก “เป็นห่วงอย่างลึกซึ้ง” ต่อความขัดแย้งนี้ และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือกันได้
ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป และฝรั่งเศสก็ได้เรียกร้องให้เกิดสันติภาพเช่นกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติคาดว่าจะประชุมในวันศุกร์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งดังกล่าว
ในจดหมายถึงคณะมนตรีเมื่อวันพฤหัสบดี นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเน็ต ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีเข้ามาแทรกแซงเพื่อ “หยุดการรุกรานของไทย”
ไทยและกัมพูชาต่างกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นฝ่ายยิงปืนก่อนในวันพฤหัสบดี ไทยอ้างว่าการปะทะเริ่มขึ้นเมื่อกองทัพกัมพูชาส่งโดรนลาดตระเวนเฝ้าสังเกตการณ์ทหารไทยใกล้ชายแดน
ขณะที่กัมพูชาระบุว่าทหารไทยเป็นฝ่ายเริ่มความขัดแย้งหลังละเมิดข้อตกลงก่อนหน้านี้ด้วยการเคลื่อนกำลังเข้ายังวัดขอมฮินดูใกล้ชายแดน
ข้อพิพาทระหว่างสองประเทศนี้ย้อนไปมากว่าร้อยปี เมื่อชายแดนของทั้งสองประเทศถูกกำหนดขึ้นหลังจากการยึดครองกัมพูชาโดยฝรั่งเศส
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เกิดเหตุปะทะเป็นครั้งคราวที่ทำให้ทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต
ความตึงเครียดล่าสุดเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม หลังจากทหารกัมพูชาถูกสังหารในการปะทะครั้งหนึ่ง ทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีตกต่ำถึงจุดต่ำสุดในรอบมากกว่าทศวรรษ
ที่ศูนย์กีฬาแห่งหนึ่งซึ่งถูกดัดแปลงเป็นศูนย์อพยพในจังหวัดสุรินทร์ของไทย ผู้หนีภัยหลายคนโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ กล่าวว่า พวกเขายังคงตกใจกับการโจมตีด้วยจรวดและปืนใหญ่ที่ได้เห็นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ผู้หนีภัยที่มีอายุมากกว่า ซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์ทิ้งระเบิดในช่วงสงครามกลางเมืองกัมพูชาในทศวรรษ 1980 บอกกับบีบีซีว่า การสู้รบครั้งล่าสุดถือเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเขาเคยประสบมา
จอย ผาสุวัน จากอำเภอพนมดงรัก เล่าว่า เธอและหลานสองคน “รอคอยนานมาก” ก่อนที่จะถูกย้ายไปยังศูนย์อพยพในที่สุด ซึ่งครั้งนี้พวกเขาย้ายไปไกลกว่าการอพยพครั้งก่อนๆ
ที่อื่น กลุ่มชายสูงอายุเล็กๆ กลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ทางเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ห่างจากชายแดนประมาณ 10 กิโลเมตร (6.2 ไมล์)
บ้านเรือนทั้งหมดรอบตัวพวกเขาถูกทิ้งร้าง ชายกลุ่มนี้เลือกที่จะอยู่เฝ้าบ้านและสัตว์เลี้ยง ขณะที่ผู้หญิงและเด็กๆ ถูกอพยพออกไปหมดแล้ว
พวกเขาอยู่ใกล้กับที่พักชั่วคราวซึ่งสร้างขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา จากท่อคอนกรีตที่ตัดแบ่งและเสริมความแข็งแรงด้วยถุงทรายและยางรถยนต์ที่บรรจุทรายเรียงกันอยู่
เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ตลอดทั้งเช้า และการโจมตีด้วยจรวดของกัมพูชาเมื่อวันพฤหัสบดีทำให้ชายกลุ่มนี้รู้สึกหวาดกลัว
โรงเรียนแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นฐานของทหารไทยด้วย แต่ทหารไม่ต้องการให้บันทึกภาพ และไม่ต้องการให้ระบุชื่อโรงเรียน
ถนนว่างเปล่า ยกเว้นรถบรรทุกทหารที่ขนส่งทหารเป็นระยะๆ ผ่านหมู่บ้านนี้ไปยังหมู่บ้านถัดไป ไม่มีผู้คนให้เห็นเลย
ชีวิตตลอดแนวชายแดนแห่งนี้ต้องหยุดชะงักลงเพราะข้อพิพาทเรื่องวัดเก่าแก่เพียงไม่กี่แห่งและพื้นที่ป่าที่มีขนาดเล็กน้อยเท่านั้น
ที่มา BBC
------------------------
นายกฯ รักษาการเตือน ความปะทะกับกัมพูชาอาจนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ
26-7-2025
นายกรัฐมนตรีรักษาการ ภูมิธรรม เวชยชัย เตือนว่า ความปะทะตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งคร่าชีวิตพลเรือนไปแล้วกว่าสิบรายในสัปดาห์นี้ อาจลุกลามกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ
สองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีข้อพิพาทด้านดินแดนยืดเยื้อมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมฝรั่งเศส ความตึงเครียดล่าสุดปะทุขึ้นหลังเหตุการณ์เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ที่มีรายงานว่าทหารกัมพูชานายหนึ่งเสียชีวิต ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวโทษกันว่าเป็นผู้ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง และเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง
"ขณะนี้ความขัดแย้งยังคงจำกัดอยู่ในระดับการปะทะ" นายภูมิธรรมกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงเทพฯ "แต่ความเสี่ยงที่จะลุกลามยังคงมีอยู่"
กองทัพไทยรายงานว่า การสู้รบกลับมาเริ่มต้นอีกครั้งในช่วงเช้าวันศุกร์ ก่อนที่กรุงเทพฯ จะส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 เข้าโจมตีเป้าหมายของทหารกัมพูชา
ทางการกัมพูชาระบุว่า การโจมตีของไทยในจังหวัดอุดรมีชัยส่งผลให้มีพลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงเจ้าอาวาสวัดปราสาทตาเมือนธมที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ไทยรายงานพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 14 รายจากกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา อพยพประชาชนกว่าแสนคนหนีความรุนแรงชายแดน ก่อนหน้านี้ ไทยได้รายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 14 ราย โดยอ้างว่าเป็นผลจากการยิงปืนใหญ่ของกัมพูชา ทั้งสองรัฐบาลได้ออกคำสั่งอพยพประชาชนจากพื้นที่ชายแดน และมีผู้พลัดถิ่นแล้วมากกว่า 100,000 คนจนถึงขณะนี้
แม้ผู้นำระดับนานาชาติจะเรียกร้องให้มีการหยุดยิง แต่การปะทะยังคงดำเนินต่อไป คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) คาดว่าจะประชุมในวันศุกร์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตดังกล่าว
นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน (ASEAN) ในปัจจุบัน เปิดเผยว่าได้สนทนากับนายภูมิธรรม เวชยชัย นายกรัฐมนตรีรักษาการของไทย และสมเด็จฯ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงโดยทันที
“ผมยินดีต่อท่าทีเชิงบวกและความพร้อมจากทั้งกรุงเทพฯ และพนมเปญในการพิจารณาแนวทางนี้ต่อไป” นายอันวาร์กล่าว พร้อมเสนอให้มาเลเซียเข้ามาช่วยเหลือหาทางออก
จีนซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทั้งไทยและกัมพูชา กล่าวว่า ผลประโยชน์ระยะยาวของทั้งสองประเทศจะได้รับการคุ้มครองดีที่สุดหากยุติข้อพิพาทอย่างสันติ
“จีนยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นธรรมและเป็นกลาง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศในภูมิภาค” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน นายกัว เจียคุน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
ขณะนี้ ไทยได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาลงแล้ว แม้ความตึงเครียดจะเพิ่มขึ้น แต่การให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ข้ามพรมแดนยังคงดำเนินต่อไป โดยสำนักงานการบินพลเรือนของกัมพูชาได้ออกคำสั่งให้เครื่องบินหลีกเลี่ยงพื้นที่ขัดแย้ง
ที่มา RT
-----------------------------------
กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ 25 ก.ค.ล่าสุด ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิต 100 นายบริเวณภูผี
26-7-2025
ศปก.ทภ.2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 (ณ เวลา 16.00 น.) ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้
สถานการณ์การสู้รบ กลยุทธ์ฝ่ายตรงข้ามยังคงพยายามใช้กำลังทหารราบเข้าประชิดกำลังฝ่ายเราเพื่อพยายามเข้าโจมตีหลักในพื้นที่ ช่องบก, ซำแต, ภูมะเขือ, ช่องตาเฒ่า, ประสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย โดยมีการยิงด้วยอาวุธยิงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ,
พื้นที่ช่องบก มีความพยายามที่จะยึดเนิน 469
พื้นที่ช่องอานม้า ปรับกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ การปะทะเบาบางลง
พื้นที่ซำแต ยังคงมีการโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ด้วยรถถัง และปืนใหญ่
พื้นที่สัตตะโสม ฝ่ายตรงข้ามได้รับความเสียหายอย่างหนัก
พื้นที่เขาพระวิหาร มีการปะทะอย่างต่อเนื่องบริเวณวัดแก้ว
พื้นที่ภูมะเขือ มีการดำเนินกลยุทธ์เพื่อยึดพื้นที่สำคัญให้เกิดความได้เปรียบอีกฝ่าย
พื้นที่เนิน 350 ถูกทำลายด้วยอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายเรา
พื้นที่ปราสาทตาควาย (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ถูกอาวุธยิงสนับสนุนจากฝ่ายเราไม่สามารถดำเนินการเข้าตีต่อฝ่ายเราได้
พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ฝ่ายเราสามารถสกัดกั้นการเข้าฝ่ายตรงข้ามถอยกลับไป
สถานะปัจจุบันฝ่ายตรงข้าม : เสียชีวิตที่พื้นที่ภูผีประมาณ 100 นาย
การอพยพประชาชน :
สนับสนุนส่วนราชการจังหวัดในการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน พื้นที่ตอนในทั้ง 4 จังหวัด อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมียอดรวมประชาชนอพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือนแล้ว 63,446 คน
ผลกระทบต่อประชาชน
พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย : ปัจจุบันยังไม่มีการรายงานพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติม ต.ตาเมียง ต.บักได และ ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่, ต.ศรีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จรวด BM-21 ตกในพื้นที่ มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 4 หลัง และ ต.รุง ต.เมือง และ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่
การช่วยเหลือประชาชน : จัดจิตอาสาพระราชทานดูแลและช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ 4 จังหวัด เพื่อดูแลและช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งตั้งโรงครัวพระราชทาน 7 จุด รถครัวสนาม 8 จุด ประกอบอาหารเพื่อดูแลประชาชนผู้อพยพ จำนวน 15,000 กล่อง/มื้อ รวมทั้งสิ้น 52,000 กล่อง/วัน
ขอความร่วมมือประชาชน ดังนี้
1.ขอให้ประชาชน งดเว้นถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอ เผยแพร่ หรือแชร์ข้อมูลการเคลื่อนย้ายของกำลังพล ยุทโธปกรณ์ เส้นทางปฏิบัติการ ความเคลื่อนไหวของฝ่ายความมั่นคง เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความสับสน ตื่นตระหนก สื่อสารข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี
2. ให้ประชาชนระวังข่าวปลอม FakeNews ซึ่งปัจจุบันมีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียลเป็นวงกว้าง ขอให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวสารให้ดี และพิจารณาเชื่อถือจากแหล่งที่มาที่เป็นทางการ
3. ปัจจุบันเกิดการปะทะตลอดพื้นที่ตามแนวชายแดน จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ตามแนวชายแดน
IMCT News