EU เก็บภาษีปุ๋ยรัสเซีย หวังตัดงบสงครามยูเครน

EU เก็บภาษีปุ๋ยรัสเซีย หวังตัดงบสงครามยูเครน แต่เกษตรกรยุโรปเจอวิกฤตต้นทุนพุ่ง
23-8-2025
มาตรการภาษีนำเข้าปุ๋ยจากรัสเซียของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดแหล่งเงินทุนสำหรับสงครามในยูเครนของมอสโก กลับส่งผลกระทบต่อเกษตรกรยุโรปเป็นหลัก โดยทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นและเสี่ยงต่อการที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่บริษัทรัสเซียระบุว่าสามารถเปลี่ยนเส้นทางการส่งออกไปยังตลาดอื่นได้
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เซดริก เบอนัวต์ (Cedric Benoist) รองเลขาธิการสหภาพชาวนาฝรั่งเศส AGPB และประธานคณะกรรมาธิการธัญพืชของสมาพันธ์เกษตรกรยุโรป Copa Cogeca กล่าวกับรอยเตอร์ว่า “นี่เหมือนกับว่าเราทำร้ายตัวเอง เพราะตอนนี้เกษตรกรต้องซื้อปุ๋ยที่ราคาแพงขึ้นในตลาดโลก”
ข้อมูลของธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า ราคาปุ๋ยทั่วโลกปรับตัวขึ้นในปีนี้ ส่วนหนึ่งจากการเก็บภาษีเพิ่มเติมตั้งแต่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งซ้อนอยู่บนโครงสร้างภาษีนำเข้าปกติ เพิ่มเติมจากความท้าทายเดิม เช่น ต้นทุนพลังงานสูงและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด
แม้ชาติตะวันตกจะไม่บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรโดยตรงต่อการส่งออกอาหารหรือปุ๋ย หลังรัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อกุมภาพันธ์ 2022 แต่สหภาพยุโรปกำหนดมาตรการเก็บภาษีปุ๋ยนำเข้าจากรัสเซียแบบทยอยเพิ่มในระยะเวลา 3 ปี เพื่อลดการพึ่งพิง รัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตปุ๋ยกว่า 20% ของทั้งโลก และเป็นผู้จัดหาปุ๋ยคิดเป็นราว 25% ของการนำเข้าของEU
EU กล่าวว่าจะติดตามผลของมาตรการนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมปุ๋ยและเกษตรกรยุโรปยังได้รับการปกป้อง โดยอัตราภาษีเริ่มต้นที่ 40 ยูโรต่อตันสำหรับปุ๋ยยูเรียและไนโตรเจนเมื่อเดือนกรกฎาคม และจะปรับขึ้นเป็น 315 ยูโรต่อตันในเดือนกรกฎาคม 2028 ขณะเดียวกัน ราคาปุ๋ยยูเรียในตลาดโลกปรับขึ้น 26.5% มาอยู่ที่ 496 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในช่วงพฤษภาคม-กรกฎาคม ตามข้อมูลของธนาคารโลก
เจ้าหน้าที่ยูรปกล่าวว่าหากภาษีดังกล่าวผลักดันให้ราคาสูงเกินไปอาจชะลอการบังคับใช้ได้ ขณะที่นักวิเคราะห์อิสระด้านตลาดปุ๋ย สวาติ คุชวาฮา (Swati Kushwaha) ชี้ว่า ด้วยความลังเลที่จะซื้อจากรัสเซีย ทำให้ผู้จัดจำหน่ายในยุโรปตั้งราคาสูงขึ้นกว่าภูมิภาคอื่น ส่งผลให้ผู้ซื้อหันไปหาตลาดอื่นราคาแพงกว่า เช่น แคนาดา
บรรดาเกษตรกรกังวลมากขึ้น โดยเฉพาะหลังราคาข้าวสาลีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถทำกำไรที่ลดลง เบอนัวต์กล่าวว่า เกษตรกรหลายรายชะลอการซื้อปุ๋ยเพราะหวังว่าราคาจะลดลง พร้อมย้ำว่า “เมื่อเทียบกับราคาแป้งสาลีแล้ว ระดับราคาปัจจุบันของปุ๋ยไม่อาจยั่งยืนได้”
ราคาปุ๋ยหลัก เช่น ไดแอมโมเนียมฟอสเฟต (DAP) และยูเรีย เคยพุ่งสูงหลังรัสเซียบุกยูเครนในปี 2022 ก่อนปรับลดในช่วงต้น 2023 แต่กลับขยับขึ้นอีกครั้ง โดยราคาปุ๋ย DAP เฉลี่ยกลับมาอยู่ที่ 736 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 10% จากเดือนพฤษภาคม ขณะที่ทั้งปี 2023 เฉลี่ยอยู่ที่ 550 ดอลลาร์ ต่ำกว่าปีก่อนหน้าที่เฉลี่ย 772.2 ดอลลาร์ต่อตัน
เกษตรกรทั่วยุโรปออกมาประท้วงตลอดปี 2024 ต่อต้านกฎระเบียบที่เข้มงวด ข้อตกลงการค้าเสรี และมาตรการควบคุมเงินเฟ้อด้านอาหารที่ทำให้ผู้ผลิตจำนวนมากไม่สามารถทนต่อค่าพลังงาน ปุ๋ย และค่าขนส่งที่สูง
**ตลาดโลกเริ่มปรับตัว**
ดมิทรี ทาทยานิน (Dmitry Tatyanin) ซีอีโอของบริษัท Uralchem ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนมิถุนายนว่า บริษัทสามารถเบนการส่งออกปุ๋ยจากยุโรปไปยังตลาดอื่นได้หากจำเป็น ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่ของรัสเซียอย่าง Acron, PhosAgro และ EuroChem ไม่ได้ตอบคำถามจากรอยเตอร์ว่าจะเริ่มเปลี่ยนเส้นทางส่งออกแล้วหรือไม่
รายงานของ Nutrien ผู้ผลิตปุ๋ยจากแคนาดาระบุว่า ผู้ผลิตรัสเซียเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ในตลาดบราซิล อินเดีย และสหรัฐฯ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์โพแทช ยูเรีย และฟอสเฟต
ดมิทรี มาเซพิน (Dmitry Mazepin) อดีตซีอีโอของ Uralchem ซึ่งลาออกหลังถูกขึ้นบัญชีคว่ำบาตรของอียูในเดือนมีนาคม 2022 และลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 48% จากเดิม 100% กล่าวว่ามาตรการคว่ำบาตรได้สร้างปัญหาและผลักดันราคาให้สูงขึ้น พร้อมย้ำว่า “ท้ายที่สุด เกษตรกรยุโรปจะเป็นฝ่ายต้องจ่ายเพิ่มเพื่อแบกรับภาษีเหล่านี้”
แม้ Uralchem ปัจจุบันไม่ถูกคว่ำบาตรโดยตรงและมาเซพินไม่ได้มีบทบาทการจัดการอีกต่อไป แต่การคว่ำบาตรทั่วไปต่อรัสเซียทำให้ผู้ค้าประสบปัญหาในการทำธุรกรรม ชำระเงิน การหากองเรือและการทำประกันภัย
ด้านบริษัท Yara International ผู้ผลิตปุ๋ยจากนอร์เวย์ระบุว่า นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน การนำเข้าปุ๋ยจากรัสเซียมายุโรปกลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรียที่นำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 48% ในฤดูกาล 2023-2024 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ฤดูกาลก่อนสงคราม พร้อมชี้ว่าประเทศในอียูเร่งนำเข้าปุ๋ยจากรัสเซียล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับมือกับภาษี
Yara กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราทราบดีว่ามาตรการภาษีอาจสร้างความกังวลต่อเกษตรกรยุโรป แต่ทุกนโยบายของอียูได้ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงเสถียรภาพและความยืดหยุ่นในระยะยาวของเกษตรกร” พร้อมย้ำว่ามาตรการนี้ยังช่วยทำให้การแข่งขันภายในอุตสาหกรรมปุ๋ยยุโรปเป็นธรรมขึ้น
แอนทวน ฮอกชา (Antoine Hoxha) ผู้อำนวยการ Fertilizers Europe องค์กรล็อบบี้ของอุตสาหกรรมปุ๋ย กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปจะประเมินผลกระทบของมาตรการภาษี แต่เชื่อว่าประเทศในอียูมีสต็อกปุ๋ยเพียงพอ และสุดท้ายแล้วนโยบายนี้จะช่วยสร้าง strategic autonomy หรือความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์ให้แก่ยุโรป
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.reuters.com/business/european-farmers-facing-higher-costs-after-eu-tariffs-russian-fertiliser-imports-2025-08-22/