จีนยังคงเป็นจุดหมายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

จีนยังคงเป็นจุดหมายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่น่าดึงดูด
22-5-2025
แม้กระแสเงินทุนจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้าสู่จีนจะลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสถิติงบดุลการชำระเงิน (Balance of Payments - BOP) ระบุว่า เงินลงทุนสุทธิของ FDI ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 344 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 เหลือ 51.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 18.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดในรอบสามทศวรรษ
แม้ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของ FDI ทั่วโลก แต่การลดลงที่รุนแรงในจีนได้สร้างความกังวลว่าอาจมีการถอนทุนของนักลงทุนต่างชาติออกจากจีน อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาอย่างลึกซึ้ง จะพบว่าสถานการณ์มีความซับซ้อนมากกว่าที่เห็น
เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูล BOP ตัวเลข “FDI ที่ใช้จริง” (Utilized FDI) ซึ่งรายงานโดยกระทรวงพาณิชย์จีน แสดงภาพที่แข็งแกร่งกว่ามาก แม้จะลดลงจากจุดสูงสุดในปี 2022 แต่ FDI ที่ใช้จริงยังคงอยู่ที่ 163.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และ 116.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งสูงกว่าตัวเลข FDI ในข้อมูล BOP อย่างมาก
ทั้งนี้ FDI ในข้อมูล BOP วัดจาก "เงินทุนสุทธิ" (เงินเข้า - เงินออก) ขณะที่ FDI ที่ใช้จริงวัดจาก "เงินทุนขาเข้าแบบรวม" โดยไม่รวมกำไรที่นำกลับมาลงทุนใหม่ กำไรสะสม และธุรกรรมหนี้ในเครือบริษัท ซึ่งทำให้เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินกิจกรรมการลงทุนของต่างชาติ
จากการศึกษาล่าสุดของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+3 (AMRO) พบว่า การลดลงของ FDI ตามข้อมูล BOP ส่วนใหญ่เกิดจาก “ปัจจัยวัฏจักร” ไม่ใช่ “ปัจจัยเชิงโครงสร้าง” เช่น ภาวะสภาพคล่องทั่วโลกที่ตึงตัว และต้นทุนการกู้ยืมในต่างประเทศที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ ระหว่างปี 2022–2024
นอกจากนี้ ความต่างของอัตราดอกเบี้ยที่กลับทิศและกว้างขึ้น ยังเป็นแรงจูงใจให้บริษัทต่างชาติในจีนโอนกำไรกลับประเทศแม่ หรือนำเงินไปชำระหนี้ ส่งผลให้เงินทุนสุทธิไหลเข้าสู่จีนลดลง
แม้จะมีความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่ผลการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายที่เจนีวาล่าสุดช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ และจากงานวิจัยของ AMRO พบว่า ไม่มีความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญระหว่างความตึงเครียดทางการเมืองกับปริมาณ FDI ที่ไหลเข้าสู่จีน
ขณะเดียวกัน ต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นในจีน ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นอุปสรรคในการดึงดูด FDI กลับ ไม่ได้ลดทอนความน่าดึงดูดของจีนในฐานะจุดหมายของนักลงทุน บริษัทต่างชาติจำนวนมากยังคงให้ความสนใจต่อขนาดตลาดภายในประเทศของจีน ห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ และโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของประเทศ
หากพิจารณาจากแหล่งที่มาของ FDI ที่ใช้จริง จะเห็นถึง ความเชื่อมโยงของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงแข็งแกร่ง มากกว่าความเป็น “โลกแยกส่วน” โดยประเทศในเอเชีย — โดยเฉพาะเขตปกครองพิเศษฮ่องกง — ยังคงเป็นช่องทางหลักของ FDI ที่ไหลเข้าสู่จีน
การลงทุนจากยุโรป โดยเฉพาะจากเนเธอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 306.5% ในปี 2022 และ 19.2% ในปี 2023 ขณะที่การลงทุนจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 51.7% ในปี 2023 แม้จะมีข้อพิพาททางการเมืองอย่างต่อเนื่องก็ตาม
เมื่อปรับข้อมูลให้สะท้อนการลงทุนทางอ้อมที่ผ่านศูนย์การเงินนอกชายฝั่ง ตัวเลขจริงของ FDI จะชี้ให้เห็นว่า จีนยังคงมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับภูมิภาคสำคัญๆ อย่างเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือในระดับที่สูงกว่าที่รายงานไว้ 2-3 เท่า
ในเชิงอุตสาหกรรม ภูมิทัศน์ของ FDI ในจีนกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก ค้าส่ง และการผลิตแบบดั้งเดิม มีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การผลิตอุปกรณ์ขั้นสูง ยา เวชภัณฑ์ ยานยนต์ไฟฟ้า และการวิจัยและพัฒนา กลับเติบโตอย่างชัดเจน
ระหว่างปี 2019 – 2023 FDI ที่ใช้จริงในภาคเทคโนโลยีขั้นสูงเติบโตเฉลี่ยปีละ 11.78% และในปัจจุบันคิดเป็น 37% ของ FDI ทั้งหมด ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของทุนต่างชาติในการผลักดันเศรษฐกิจจีนสู่โมเดลที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
แม้ว่าการลดลงของ FDI ในระยะหลังจะไม่ได้บ่งชี้ถึงการถอนทุนขนาดใหญ่จากจีน แต่ ความท้าทายยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายใน ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
เพื่อรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ จีนจำเป็นต้อง เปิดพื้นที่การสื่อสารกับบริษัทต่างชาติอย่างต่อเนื่อง สร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบ และรักษาการเข้าถึงตลาดอย่างโปร่งใส ทางการจีนได้เริ่มดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุน รวมถึง การขยายการเข้าถึงตลาด ลดข้อจำกัด และปรับกรอบกฎหมายให้ทันสมัยและคล่องตัว
ทั้งรัฐบาลกลางและท้องถิ่นยังออกมาตรการจูงใจและนโยบายสนับสนุนที่เฉพาะเจาะจง เพื่อดึงดูดการลงทุนต่างชาติในภาคเทคโนโลยีขั้นสูง สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตเชิงคุณภาพของจีนในระยะยาว
แม้จะมีความผันผวนในระยะสั้น แต่ จุดแข็งพื้นฐานของจีนในฐานะศูนย์กลาง FDI ยังคงแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นตลาดภายในที่กว้างใหญ่ ห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจร ความสามารถด้านการผลิต แรงงานที่มีทักษะ โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาแล้ว และข้อตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุม
การดำเนินนโยบายอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และสม่ำเสมอ จะช่วยรักษาเสถียรภาพของ FDI และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว
IMCT News
ที่มา : https://www.chinadaily.com.cn/a/202505/21/WS682d0eb8a310a04af22c092e.html