สหรัฐฯ-จีน ชิงความเป็นผู้นำนิวเคลียร์โลก

สหรัฐฯ-จีน ชิงความเป็นผู้นำนิวเคลียร์โลก ปักกิ่ง ทุ่มงบ $27,900 ล้าน เร่งสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานปรมาณูทะลุ 200 GW
19-6-2025
SCMP รายงานว่า จีนกำลังมุ่งหน้าเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานนิวเคลียร์เกือบสองเท่าภายในปี 2040 เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่ที่สุดในโลก ตามรายงานล่าสุดของสมาคมพลังงานนิวเคลียร์แห่งประเทศจีน (China Nuclear Energy Association - CNEA) ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า จีนวางแผนสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใหม่หลายสิบแห่งเพื่อยกระดับกำลังการผลิตติดตั้งสู่ระดับ 200 กิกะวัตต์ (GW) ภายในสิ้นทศวรรษหน้า ซึ่งสูงกว่ากำลังการผลิตปัจจุบันของสหรัฐอเมริกามากกว่าสองเท่า
การเร่งสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของจีนถือเป็นหนึ่งในการพัฒนาที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยปักกิ่งมุ่งลดการปล่อยคาร์บอนในระบบเศรษฐกิจ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการพึ่งพาแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศอย่างพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมากเกินไป
ตามรายงานของ Goldman Sachs ที่เผยแพร่สัปดาห์ที่แล้ว จากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 61 แห่งที่กำลังก่อสร้างทั่วโลก มีประมาณครึ่งหนึ่งตั้งอยู่ในประเทศจีน โดย CNEA ระบุว่า ณ สิ้นปี 2024 จีนมีเครื่องปฏิกรณ์ทั้งที่ใช้งานแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 102 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 113 GW ซึ่งส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ตามจังหวัดชายฝั่งทะเลที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ
เปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกาที่มีเครื่องปฏิกรณ์ที่ใช้งานอยู่ 94 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้งรวมเกือบ 97 GW ตามข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ ขณะที่ฝรั่งเศสครองอันดับสามของโลกด้วยเครื่องปฏิกรณ์ 56 แห่ง แม้หลายประเทศในยุโรปประกาศแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มเติม แต่ขนาดของแผนการจีนยังใหญ่กว่ามาก
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สภาแห่งรัฐจีน (State Council) อนุมัติการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์เพิ่มเติม 10 แห่งใน 5 พื้นที่ตามแนวชายฝั่งทะเล ด้วยเงินลงทุนรวม 200,000 ล้านหยวน (ประมาณ 900,000 ล้านบาท) โดย 8 ใน 10 แห่งจะใช้เทคโนโลยี Hualong One ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์รุ่นที่สามที่จีนพัฒนาขึ้นเองและต้องการส่งเสริมสู่ตลาดโลก
เครื่องปฏิกรณ์ Hualong One แต่ละแห่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 10,000 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพียงพอสำหรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชากร 1 ล้านคน โดย CNEA คาดการณ์ว่าด้วยอัตราการก่อสร้างในปัจจุบัน จีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่กำลังการผลิตติดตั้งภายในปี 2030 และพลังงานนิวเคลียร์จะมีสัดส่วนประมาณ 10% ของพลังงานทั้งหมดของจีนภายในสิ้นทศวรรษ 2030
การแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในด้านพลังงานนิวเคลียร์กำลังทวีความเข้มข้น โดยมีรายงานว่าวอชิงตันระงับใบอนุญาตการส่งออกอุปกรณ์ผลิตพลังงานนิวเคลียร์บางส่วนไปยังจีนเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อเดือนพฤษภาคมเพื่อเร่งการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสหรัฐฯ โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 400 GW ภายในปี 2050
Xing Ji หัวหน้าทีมออกแบบ Hualong One กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวของรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เครื่องปฏิกรณ์ที่จีนพัฒนาขึ้นเองมี "มาตรฐานความปลอดภัยที่สูงกว่า" ทำให้จีนยังมีศักยภาพเร่งสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้เร็วขึ้นหากจำเป็น
"Hualong One มีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวน้อยกว่าเครื่องปฏิกรณ์รุ่นที่สามจากต่างประเทศ และมีระบบความปลอดภัยสำรองมากกว่า ทำให้เราสามารถสร้างได้มากขึ้นในหลายพื้นที่" Xing กล่าว
อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันรัฐบาลจีนอนุมัติเฉพาะโครงการตามแนวชายฝั่งทะเลเท่านั้น แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากผู้เชี่ยวชาญให้ยกเลิกข้อห้ามและขยายการก่อสร้างไปยังพื้นที่ภายในแผ่นดินใหญ่ด้วย
จีนยังคงเป็นประเทศที่เผาผลาญถ่านหินมากที่สุดในโลกและเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุด คิดเป็นมากกว่าหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซทั่วโลกในปี 2023 ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ การเร่งพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์จึงเป็นส่วนสำคัญในแผนการลดคาร์บอนของจีนเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2060
---
IMCT NEWS
ที่มา https://sc.mp/onmov?utm_source=copy-link&utm_campaign=3314794&utm_medium=share_widget
Photo: Xinhua