ผู้นำสูงสุดของอิหร่านแสดงความยินดีกับชัยชนะ

ผู้นำสูงสุดของอิหร่านแสดงความยินดีกับชัยชนะเหนืออิสราเอล
27-6-2025
ผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี แถลงเป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดี หลังการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับอิสราเอลที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์ โดยแสดงความยินดีกับ “ประชาชนผู้ยิ่งใหญ่ของอิหร่าน” ต่อ “ชัยชนะเหนือระบอบไซออนนิสต์จอมปลอม”
“แม้จะมีเสียงโฆษณาชวนเชื่อมากมาย และคำกล่าวอ้างทั้งหลาย ระบอบไซออนนิสต์ก็เกือบล่มสลาย และถูกบดขยี้ภายใต้การโจมตีของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน” คาเมเนอีกล่าว ตามรายงานของสำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่าน
คาเมเนอียังอ้างเพิ่มเติมว่าอิหร่านได้ “ตบหน้าสหรัฐฯ อย่างรุนแรง” ด้วยการตอบโต้ในสงครามครั้งนี้
ในขณะที่รัฐบาลทรัมป์กำลังเฉลิมฉลองว่าได้ “ทำลายล้าง” โครงสร้างหลักและสถานที่สำคัญของโครงการนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน อยาตอลเลาะห์กลับลดทอนความสำคัญของปฏิบัติการทางทหารดังกล่าว
คาเมเนอีกล่าวว่าสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามเคียงข้างอิสราเอล “เพราะพวกเขารู้ว่าหากไม่เข้าร่วม ระบอบไซออนนิสต์จะถูกทำลาย” โดยเขานำเสนอเรื่องนี้ในฐานะสัญญาณของความอ่อนแอของอิสราเอล ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ระหว่างการโจมตีทางอากาศ
“อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่ได้รับอะไรจากสงครามครั้งนี้เลย” คาเมเนอียืนยัน พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ที่โจมตีอิหร่านต้องจ่ายในราคาที่สูง
ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ มีประชาชนจำนวนมากออกมาเดินขบวนบนท้องถนนในกรุงเตหะราน เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับกองทัพ และแสดงออกถึงความไม่ยอมจำนน ว่าแม้จะถูกโจมตีนานถึง 12 วัน ประเทศก็ยังไม่ล่มสลาย
ยังมีสัญลักษณ์อื่นของความท้าทายและการต่อต้านอีกหลายรูปแบบ เช่น การจัดกิจกรรมสาธารณะ และคอนเสิร์ตของวง Tehran Symphony Orchestra วงออร์เคสตร้าประจำชาติที่มีประวัติศาสตร์เกือบ 100 ปี
เมื่อวันพุธ ที่จัตุรัสอาซาดี (Azadi Square) ใจกลางเมือง รายงานระบุว่า: ขณะที่ประชาชนมารวมตัวกันเพื่อชมการแสดง วงออร์เคสตร้าได้บรรเลงเพลง “Ey Iran” ซึ่งถือเป็นเพลงชาติอย่างไม่เป็นทางการของอิหร่าน ที่ยืนยาวในฐานะบทเพลงแห่งความภาคภูมิใจและการต่อต้าน แม้เคยถูกแบนโดยรัฐบาลอิหร่านเนื่องจากเชื่อมโยงกับกระแสต่อต้านรัฐ
วงออร์เคสตร้านี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1933 และผ่านเหตุการณ์สำคัญหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนระบอบรัฐประหาร การปฏิวัติ หรือสงคราม จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความยืนหยัดของชาติ
ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของวงคือในยุครัฐบาลสายแข็งของอดีตประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาด เมื่อวงออร์เคสตร้าถูกยุบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตร ปัญหาการเงิน และการละเลยจากรัฐ
มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 630 คนในอิหร่าน และผู้บาดเจ็บหลายพันรายจากการโจมตีครั้งนี้ โดยอิสราเอลยังอ้างว่าประสบความสำเร็จในการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อิหร่านอย่างน้อย 14 คน รวมถึงผู้บัญชาการทหารระดับสูงจำนวนมาก
แต่ในทางกลับกัน อิสราเอล โดยเฉพาะในเมืองเทลอาวีฟ ถูกทำลายทั้งอาคารและย่านที่อยู่อาศัยหลายแห่ง รวมถึงศูนย์บัญชาการทหารบางแห่งก็ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธข้ามทวีปและไฮเปอร์โซนิกของอิหร่าน
ส่วนกรุงเตหะรานได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยทางการอิหร่านยอมรับว่าสถานที่นิวเคลียร์สำคัญได้รับความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญ แต่พวกเขาก็สัญญาว่าจะพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ต่อไปอย่างต่อเนื่องในฐานะเรื่องของอธิปไตยของชาติ
ที่มา Zerohedge