.

FATF วอทช์ด็อกการเงินโลก เตือน! ช่องว่าง กม.คริปโทฯ -สกุลเงินดิจิทัล เสี่ยงอาชญากรรมการเงินโลก เงินผิดกฎหมายพุ่ง $51,000 ล้าน
27-6-2025
CNA รายงานโดยอ้างสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า องค์การเฝ้าระวังอาชญากรรมการเงินระหว่างประเทศ Financial Action Task Force (FATF) เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เสริมสร้างมาตรการปราบปรามการเงินผิดกฎหมายในสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซี พร้อมเตือนว่าช่องโหว่ในการกำกับดูแลอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลก
องค์การเฝ้าระวังอาชญากรรมการเงินโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีสระบุเมื่อวันพฤหัสบดีว่า แม้จะมีความก้าวหน้าในการกำกับดูแลสินทรัพย์เสมือนตั้งแต่ปี 2024 แต่หลายเขตอำนาจศาลยังคงมีงานที่ต้องทำเพื่อต่อสู้กับความเสี่ยงดังกล่าว
ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2025 แสดงให้เห็นว่า มีเพียง 40 เขตอำนาจศาลจากทั้งหมด 138 แห่งที่ได้รับการประเมินว่า "ปฏิบัติตามมาตรฐานคริปโตของ FATF อย่างครอบคลุม" เพิ่มขึ้นจาก 32 แห่งเมื่อปีที่แล้ว
FATF กล่าวในแถลงการณ์ว่า "เนื่องจากสินทรัพย์เสมือนมีลักษณะข้ามพรมแดนโดยธรรมชาติ ความล้มเหลวในการกำกับดูแลในเขตอำนาจศาลใดแห่งหนึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อระดับโลกได้"
ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Chainalysis ที่อยู่กระเป๋าคริปโตที่ใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมายอาจได้รับเงินสูงถึง 51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านบาทในปี 2024
FATF ระบุว่าประเทศต่างๆ ยังคงเผชิญความยากลำบากในการระบุตัตนผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำธุรกรรมสินทรัพย์เสมือน รายงานนี้เป็นสัญญาณล่าสุดของความกังวลที่เพิ่มขึ้นในหมู่หน่วยงานการเงินเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคริปโตต่อระบบการเงิน
ในเดือนเมษายน หน่วยงานเฝ้าระวังหลักทรัพย์ของสหภาพยุโรปเตือนว่าภาคคริปโตที่ขยายตัวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในวงกว้าง โดยเฉพาะเมื่อความเชื่อมโยงกับตลาดแบบดั้งเดิมลึกซึ้งยิ่งขึ้น
FATF ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ stablecoins ซึ่งเป็นคริปโตเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งที่เชื่อมโยงกับสกุลเงินตราแบบดั้งเดิม โดย "ผู้กระทำผิดกฎหมายหลากหลายกลุ่ม"รวมถึงเกาหลีเหนือ ผู้ให้เงินทุนการก่อการร้าย และผู้ค้ายาเสพติด องค์การระบุว่ากิจกรรมคริปโตผิดกฎหมายส่วนใหญ่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับ stablecoins
FBI ได้กล่าวว่าเกาหลีเหนือรับผิดชอบต่อการขโมยสินทรัพย์เสมือนมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากตลาดแลกเปลี่ยนคริปโต ByBit ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นการขโมยคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องในการแฮกไซเบอร์หรือการปล้นคริปโตอย่างสม่ำเสมอ
รายงานครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างกรอบการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกันทั่วโลกเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีคริปโตเคอร์เรนซีในกิจกรรมอาชญากรรม ขณะที่อุตสาหกรรมนี้ยังคงเติบโตและบูรณาการเข้ากับระบบการเงินหลักมากขึ้น
การดำเนินการของ FATF ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระหว่างประเทศในการสร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินและการปกป้องความมั่นคงของระบบการเงินโลกจากภัยคุกคามที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.channelnewsasia.com/business/global-financial-crime-watchdog-calls-action-crypto-risks-5205576