.

ทรัมป์'สั่งห้ามประธานาธิบดี 'ไต้หวัน' แวะนิวยอร์ก หลีกเลี่ยงเผชิญหน้าจีน ยอมสะเทือนสัมพันธ์ไต้หวัน
30-7-2025
Financial Times รายงานว่า ทรัมป์ปฏิเสธ ‘Lai Ching-te’ แวะสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงเผชิญหน้าจีน ยอมสะเทือนสัมพันธ์ไต้หวัน นักวิเคราะห์เตือน 'ทรัมป์อ่อนข้อ'
รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) มีคำสั่งปฏิเสธไม่อนุญาตให้ประธานาธิบดีไต้หวัน นายไล่ ชิงเต๋อ (Lai Ching-te) เดินทางแวะพักในนครนิวยอร์กระหว่างออกเดินทางไปยังประเทศพันธมิตรในอเมริกากลาง ได้แก่ ปารากวัย กัวเตมาลา และเบลีซ หลังจากจีนยื่นคัดค้านอย่างชัดเจนต่อวอชิงตันเกี่ยวกับแผนดังกล่าว
เดิมที นายไล่ มีแผนจะเดินทางผ่านสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ทั้งในนิวยอร์กและดัลลาส อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่า ฝ่ายสหรัฐฯ ได้แจ้งไม่อนุญาตให้ไล่แวะพักในนิวยอร์ก ส่งผลให้นายไล่ ออกแถลงการณ์ที่ไทเปในวันจันทร์ ว่า “ยังไม่มีแผนเดินทางต่างประเทศในอนาคตอันใกล้” เนื่องจากไต้หวันอยู่ระหว่างฟื้นฟูจากเหตุการณ์ไต้ฝุ่น และกำลังอยู่ในการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ
แหล่งข่าว 3 รายยืนยันกับ Financial Times ว่าสาเหตุสำคัญมาจากสัญญาณชัดเจนว่าหากให้นายไล่แวะพักในนิวยอร์ก อาจจะสร้างความไม่พอใจต่อจีนในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจาการค้าสำคัญและเตรียมการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping)
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ก็มีคำสั่งระงับการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีไปยังจีนในช่วงเจรจา อันเป็นส่วนหนึ่งของ "บรรยากาศเจรจา" ที่ต้องการให้เกิดความร่วมมือ
ประเด็นนี้สร้างความกังวลในหมู่นักการเมืองสายสนับสนุนไต้หวันในกรุงวอชิงตัน ซึ่งมองว่าการตัดสินใจดังกล่าวสะท้อนท่าทีที่อ่อนต่อจีน และอาจทำให้ไต้หวันเผชิญความกดดันมากขึ้น Bonnie Glaser นักวิเคราะห์จีน-ไต้หวัน จาก German Marshall Fund ระบุว่า "ทรัมป์ต้องยืนหยัดต่อแรงกดดันจีน มิใช่ยอมตาม เพราะการเลือกต่อรองความสัมพันธ์กับไต้หวันเช่นนี้ จะยิ่งอ่อนข้อให้ปักกิ่งกล้ากดดันหนักขึ้น"
รายงานยังชี้ว่า ระหว่างปี 2023 คณะบริหารไบเดน (Joe Biden) เคยอนุญาตให้นางไช่ อิงเหวิน (Tsai Ing-wen) ประธานาธิบดีขณะนั้น แวะนิวยอร์กขณะเดินทางเยือนอเมริกากลาง สะท้อนท่าทีทางการทูตที่แข็งกว่า
ขณะที่สำนักงานผู้แทนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในวอชิงตัน ซึ่งทำหน้าที่เปรียบเสมือนสถานทูต เดินหน้าในการหารือผลกระทบจากท่าทีของสหรัฐฯ ต่อไต้หวัน โดยออกแถลงการณ์ย้ำว่า “ขณะนี้ยังไม่มีแผนเดินทางระหว่างประเทศในอนาคตอันใกล้”
นักการทูตบางรายมองว่าการหลีกเลี่ยงไม่กระทบจีนเป็นกลยุทธ์ “hide and bide” ตามหลักคิดของเติ้ง เสี่ยวผิง ซึ่งเน้นอดทนอดกลั้น รอจังหวะที่เหมาะสม ขณะที่รัฐบาลจีนใช้ “แต้มต่อ” ในด้านการครองตลาดสินแร่หายาก (rare earths) กดดันฝ่ายสหรัฐฯ ให้ชะลอแนวทางแข็งกร้าว
ด้าน Randy Shriver ประธาน Institute for Indo-Pacific Security กล่าวว่าการปฏิเสธอนุญาตนี้ “คือการเดินหมากเดิมสุดของวอชิงตันที่คอยหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ เกี่ยวกับไต้หวันที่อาจขัดแย้งเป้าหมายกับจีน”
ขณะที่ Rush Doshi อดีตเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ วิเคราะห์ท่าทีนี้ว่า “รัฐบาลทรัมป์ผ่อนคลายมาตรการต่อจีนในแทบทุกมิติ ตั้งแต่ระงับควบคุมการส่งออก ขายชิป AI แม้ไม่ได้เงินตอบแทน แล้วยังลดระดับสัมพันธ์กับไต้หวันอีก”
ทั้งนี้ มีรายงานว่าไล่เคยติดต่อกับ Heritage Foundation (องค์กรวิจัยนโยบายสายอนุรักษ์นิยมในกรุงวอชิงตัน) เพื่อขอจัดงานพูดคุยในนิวยอร์ก รวมถึงมีแผนเดินทางต่อไปยังดัลลาส ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าสหรัฐฯ ปฏิเสธเฉพาะนิวยอร์ก หรือไม่อนุญาตผ่านแดนทั้งหมด
ในการตอบคำถามถึงความเป็นไปได้ในการเดินทาง เจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯ กล่าวว่าทั้งสองฝ่าย “กำลังหาทางออกที่เหมาะสม” และ “ยังไม่มีการยกเลิกทริปอย่างเป็นทางการ”
สุดท้าย การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ในครั้งนี้กำลังถูกจับตาทั้งจากพันธมิตรและวงการความมั่นคงในภูมิภาคว่าจะแปลผลเป็นการปรับลดนโยบายแข็งกร้าวต่อจีนลงอีกหรือไม่ ขณะที่ผลกระทบระยะยาวอาจสั่นคลอนการป้องปรามจีน (deterrence) ต่อกรณีไต้หวัน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.ft.com/content/21575bec-5cdd-47ee-9db2-3031c4ea7ca7