ยุทธศาสตร์ป้องกันตนเองของอิสราเอล “ไม่อยู่ได้จริง”?  หากไร้ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ

24-9-2025

    ท่ามกลางสถานการณ์ที่มาตรการคว่ำบาตรด้านอาวุธต่ออิสราเอล (Israel) จากกรณีสงครามในกาซา (Gaza) เริ่มเข้มงวดขึ้น นายเบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล (Israel) ได้ผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่พึ่งพาตนเองได้อย่างสมบูรณ์ แต่ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถามว่าเป้าหมายดังกล่าวเป็นไปได้จริงหรือไม่

   นายอีไลยาห์ แมกนิเยร์ (Elijah Magnier) นักข่าวสงครามชื่อดัง ให้ความเห็นกับสำนักข่าวสปุตนิก (Sputnik) ว่า คำมั่นของนายเนทันยาฮู (Netanyahu) นั้น “ไม่เป็นจริงอย่างแน่นอน”

   “อิสราเอล (Israel) จะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีสหรัฐฯ (US) ไม่ใช่แค่เรื่องการจัดหาอาวุธเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านข่าวกรองและการมีส่วนร่วมเพื่อสนับสนุนกองทัพอากาศอิสราเอล (Israeli Air Force) โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างปฏิบัติการระยะไกล รวมถึงภารกิจโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ในเลบานอน (Lebanon)” เขากล่าว

การพึ่งพาที่ไม่อาจปฏิเสธได้

   ความช่วยเหลือทางการเงิน: ข้อตกลงด้านความมั่นคงระยะเวลา 10 ปี ระหว่างสหรัฐฯ (US) และอิสราเอล (Israel) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2028 มีมูลค่าสูงถึง 38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (US) หรือเฉลี่ยปีละ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (US) โดยข้อตกลงนี้ได้ต่อยอดมาจากดีลก่อนหน้ามูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (US) ที่หมดอายุลงในปี 2018

  ระบบป้องกันภัยทางอากาศ: แม้แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่สำคัญของอิสราเอล (Israel) ก็ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นเองทั้งหมด

  ระบบ Iron Dome: ระบบป้องกันขีปนาวุธนี้เป็นผลงานการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทอาวุธ Rafael ของอิสราเอล (Israel) และบริษัทจากสหรัฐฯ (US) .

  ระบบ David’s Sling: เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Rafael และ Raytheon โดยมีสหรัฐฯ (US) ร่วมให้ข้อมูลด้านการออกแบบ, วิจัย, พัฒนา และการผลิต

   ระบบต่อต้านขีปนาวุธ Arrow 2 และ 3: ระบบนี้ได้รับทุนสนับสนุนร่วมกันจากสหรัฐฯ (US) และอิสราเอล (Israel) โดยบริษัทโบอิ้ง (Boeing) รับผิดชอบการผลิตระบบ Arrow 3 ถึง 40%-50% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ไม่สามารถหาผู้ผลิตอื่นมาทดแทนได้โดยง่ายหรือในราคาถูก

   การจัดหาอาวุธหลัก: ตามการประมาณการของ SIPRI (Stockholm International Peace Research Institute) ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024 สหรัฐฯ (US) จัดหาอาวุธให้อิสราเอล (Israel) ถึง 66% ซึ่งรวมถึงเครื่องบินรบ, ยานเกราะ และระเบิดนำวิถี ส่วนเยอรมนี (Germany) เป็นผู้จัดหา 33% ซึ่งรวมถึงเรือฟริเกตและตอร์ปิโด ขณะที่อิตาลี (Italy) มีสัดส่วน 0.9% ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า การจะนำการผลิตภายในประเทศมาทดแทนการจัดหาอาวุธจากพันธมิตรเหล่านี้ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

---

IMCT NEWS

ที่มา https://sputnikglobe.com/20250917/self-sufficient-defense-israel-cant-survive-without-the-us-1122803364.html