.

สหรัฐฯ ใช้กฎหมาย GENIUS Act ดัน stablecoin ต้านจีนลดบทบาทดอลลาร์โลก
25-7-2025
The Street รายงานว่า สหรัฐฯ จัดทัพรับมือการลดบทบาทของดอลลาร์ในตลาดโลก ด้วยกฎหมายใหม่ควบคุม Stablecoin
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ไม่ปิดบังความตั้งใจในการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์กับจีนอย่างชัดเจน แม้ว่าสหรัฐฯ ยังคงเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่จีนซึ่งเป็นมหาอำนาจในเอเชียก็เติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งในหลายด้าน
เมื่อทรัมป์เปิดสงครามภาษีในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จีนถือเป็นเป้าหมายหลัก ขณะที่รัฐบาลของโจ ไบเดน (Joe Biden) ยังคงดำเนินนโยบายกดดันทางการค้ากับจีนอย่างต่อเนื่อง โดยมีอีกหนึ่งความกังวลสำคัญของฝ่ายบริหารทรัมป์ คือความพยายามอย่างจริงจังของจีนในการลดบทบาทของดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดการค้าของประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งจีนมีอิทธิพลเหนือภูมิภาค
รายละเอียดสะท้อนจากโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) หรือที่เรียกกันว่า “เส้นทางสายไหมใหม่” ซึ่งเป็นโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อเชื่อมจีนเข้ากับโลกภายนอก และจีนเริ่มส่งเสริมการใช้สกุลเงินหยวนดิจิทัล (e-RMB) สำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศมากขึ้น
ข้อมูลจาก Financial Times ในเดือนสิงหาคม 2024 ระบุว่า สัดส่วนการชำระเงินด้วยดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากประมาณ 80% ในปี 2010 เหลือประมาณ 40% ในปี 2024 ขณะที่การชำระเงินด้วยหยวนเพิ่มจากแทบไม่มีในปี 2010 มาอยู่ที่ 55% ในปี 2024
เพื่อสกัดความได้เปรียบของดอลลาร์สหรัฐฯ ในระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ จีนจึงเน้นการใช้สกุลเงินหยวนและหลีกเลี่ยงการใช้ระบบ SWIFT ที่เป็นเครือข่ายชำระเงินดอลลาร์หลักของโลก
ในเดือนกรกฎาคม 2025 ทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมาย GENIUS Act ที่กำหนดกฎระเบียบควบคุม stablecoin ที่มีมูลค่าผูกกับดอลลาร์สหรัฐฯ (1 ต่อ 1) เพื่อกำหนดกรอบการทำงานสำหรับสกุลเงินดิจิทัลประเภทนี้ ภายใต้กฎหมายนี้จะควบคุมเฉพาะ stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้นไม่รวมคอยน์อื่นที่มีความผันผวน
ฝ่ายบริหารทรัมป์ส่งเสริมเศรษฐกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มที่ โดย stablecoin ถือเป็นกลุ่มสินทรัพย์คริปโตที่เติบโตมากที่สุด อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจาก Messari แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล on-chain ชี้ว่า stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์สามารถกลายเป็นเครื่องมือสำคัญตอบโต้การลดบทบาทดอลลาร์ของจีนในตลาดประเทศกำลังพัฒนา
ดร. เดวิด ครอส (David Krause) ศาสตราจารย์ทางการเงินจากมหาวิทยาลัย Marquette ระบุในบทความที่ Messari อ้างอิงว่า รัฐบาลทรัมป์มองการส่งเสริม stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์เป็นการเสริมตำแหน่งของดอลลาร์ในเวทีโลกท่ามกลางกระแสการลดบทบาทดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปัจจุบัน ตลาด stablecoin มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นราว 263,000 ล้านดอลลาร์ โดยเครือ USDT ของ Tether และ USDC ของ Circle มีสัดส่วนตลาดมากกว่า 86% นอกจากนี้ยังมีสกุล stablecoin อื่นๆ อย่าง USD1 ที่ได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์, RLUSD ของ Ripple และ PYUSD จาก PayPal ซึ่งเป็นที่จับตามองว่าตลาด stablecoin อาจเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1 – 2 ล้านล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าจะใหญ่พอที่จะท้าทายความพยายามของจีนเพื่อลดบทบาทดอลลาร์ได้หรือไม่
การออกกฎหมาย GENIUS Act และการสนับสนุน stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์นี้ จึงถือเป็นการตอบโต้เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของสหรัฐฯ ในการรักษาความเป็นผู้นำของดอลลาร์สหรัฐฯ ในระบบเศรษฐกิจโลกท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินและการค้า
---
IMCT NEWS
ที่มา https://finance.yahoo.com/news/u-makes-shocking-move-counter-230732819.html?