Thailand
31/5/2024
เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา มีมติให้ความเห็นชอบร่างหนังสือแสดงความประสงค์ของไทย ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
วันที่ 30 พ.ค. นายพจน์ อร่ามวัฒนา รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS หรือกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ที่มีสมาชิก 10 ประเทศ ของประเทศไทย ว่า ภาคเอกชนเห็นด้วยกับการเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะช่วยเปิดประตูการค้าให้ไทย และสามารถขยายการส่งออกสินค้าไทยได้มากขึ้นโดยครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม
เพราะปัจจุบันไทยเป็นสมาชิกเพียงอาร์เซ็ป หรือความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เท่านั้น ขณะที่การเจรจาเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ กับหลายประเทศหรือหลายความตกลง ยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะเอฟทีเอไทย-อียู ที่ต้องการให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
ตามมติ ครม. ระบุว่า กลุ่ม BRICS มีนโยบายขยายความร่วมมือกับประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก โดยมีแผนจะเชิญประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกเข้าร่วมในกลไกของกลุ่มในการประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 16 ณ เมืองคาซาน สหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม 2567 จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะเร่งเดินหน้ากระบวนการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม เพื่อยกระดับบทบาทของไทยในฐานะผู้มีบทบาทนำในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และเพิ่มการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
วัตถุประสงค์ของกลุ่ม BRICS ในการเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้ 3 เสา
1. การเมืองและความมั่นคง
2. เศรษฐกิจและการเงิน
3. ความร่วมมือทางวัฒนธรรมและในระดับประชาชน การสนับสนุนการปฏิรูปสหประชาชาติอย่างรอบด้าน
BRICS คือ การรวมกลุ่มกันของประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ โดย BRICS ย่อมาจากตัวอักษรตัวแรก ของประเทศสมาชิกเดิม 5 ประเทศ ได้แก่ บราซิล (B), รัสเซีย (R), อินเดีย (I), จีน (C) และแอฟริกาใต้ (S) ซึ่งในปัจจุบัน BRICS มีประเทศสมาชิกแล้วทั้งสิ้น 10 ประเทศ
สมาชิกกลุ่ม BRICS ทั้ง 10 ประเทศ มีใครบ้าง?
สมาชิกเดิม 5 ประเทศ
1. บราซิล
2. รัสเซีย
3. อินเดีย
4. จีน
5. แอฟริกาใต้
สมาชิกใหม่ 5 ประเทศ (ปี 2567)
1. อียิปต์
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
3. เอธิโอเปีย
4. ซาอุดีอาระเบีย
5. อิหร่าน
ตัวอย่างประเทศขอเป็นสมาชิกใหม่ เช่น
1. ไทย
2. แอลจีเรีย
3. โบลิเวีย
IMCT News
ที่มา https://today.line.me/th/v2/article/oq2wrvW?utm_source=lineshare