.

ประธานาธิบดีอิหร่าน ‘พร้อม’ สงครามกับอิสราเอล และไม่หยุดโครงการนิวเคลียร์
24-7-2025
ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเกียน ระบุว่า ประเทศของเขายังคงเตรียมพร้อมและเฝ้าระวังสำหรับสงครามใด ๆ ที่อิสราเอลอาจเป็นฝ่ายเปิดฉาก พร้อมทั้งยอมรับว่าเขาไม่ค่อยมีความหวังว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะยังคงยืนยาว
“เราพร้อมเต็มที่สำหรับการเคลื่อนไหวทางทหารครั้งใหม่ของอิสราเอล และกองทัพของเราพร้อมจะโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนอิสราเอลอีกครั้ง” เปเซชเกียนกล่าวกับสำนักข่าว Al Jazeera ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด โดยเขาย้ำว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านจะยังคงดำเนินต่อไป แต่มีจุดประสงค์เพื่อการผลิตพลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติเท่านั้น
“เราไม่ค่อยมองโลกในแง่ดีนักเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงนี้” เปเซชเกียนกล่าวถึงการหยุดยิงที่ยุติสงคราม 12 วันในเดือนมิถุนายน ซึ่งมีสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องในช่วงท้าย “นั่นคือเหตุผลที่เราต้องเตรียมตัวรับมือกับทุกสถานการณ์และทุกการตอบโต้ที่เป็นไปได้ อิสราเอลได้ทำร้ายเรา และเราก็ได้ตอบโต้กลับเช่นกัน พวกเขาโจมตีเราอย่างรุนแรง และเราก็ได้โจมตีพวกเขาอย่างลึกซึ้ง แม้พวกเขาจะพยายามปกปิดความเสียหายก็ตาม”
เขาอธิบายว่าการโจมตีของอิสราเอลมีเป้าหมายเพื่อ “กำจัด” โครงสร้างผู้นำของอิหร่าน — รวมถึงนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ที่ถูกลอบสังหาร ผู้นำทางทหาร และเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคน — “แต่ก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง”
ผู้นำอิหร่านกล่าวว่า การเสริมสมรรถนะยูเรเนียมจะยังคงดำเนินต่อไป “ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ” แม้ว่าจะเผชิญการต่อต้านจากชาติมหาอำนาจส่วนใหญ่ก็ตาม
“ทรัมป์พูดว่าอิหร่านไม่ควรมีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเราก็ยอมรับ เพราะเราปฏิเสธอาวุธนิวเคลียร์ — และนั่นคือจุดยืนทางการเมือง ศาสนา มนุษยธรรม และยุทธศาสตร์ของเรา” เปเซชเกียนกล่าว
“เรายึดมั่นในหลักการทางการทูต ดังนั้นการเจรจาใด ๆ ในอนาคตจะต้องตั้งอยู่บนหลักแห่งผลประโยชน์ร่วมกันแบบ win-win และเราจะไม่ยอมรับการข่มขู่หรือคำสั่งใด ๆ จากฝ่ายใดทั้งสิ้น”
และในช่วงที่เขากล่าวถ้อยคำที่ท้าทายต่อทรัมป์มากที่สุด เปเซชเกียนกล่าวว่า “ที่บอกว่าโครงการนิวเคลียร์ของเราได้สิ้นสุดลงแล้วนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา” พร้อมย้ำว่า “ศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของเราอยู่ในความรู้ของนักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ในสถานที่ตั้งของเครื่องจักร”
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ ได้โพสต์ผ่าน Truth Social เมื่อคืนวันจันทร์ โดยระบุว่า เขาพร้อมสั่งการให้กองทัพสหรัฐฯ โจมตีสถานที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอีกครั้ง “หากจำเป็น”
“แน่นอนว่าถูกทำลายแล้ว เหมือนที่ผมเคยพูดไว้ และเราก็จะทำอีก ถ้าจำเป็น!” ทรัมป์กล่าว โดยอ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อับบาส อารัคชี กับเบร็ต แบร์ในวันเดียวกัน ซึ่งอารัคชีระบุว่า สถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านได้รับ “ความเสียหายอย่างหนัก” และถูก “ทำลาย” จากการโจมตีของสหรัฐฯ
“CNN ข่าวปลอมควรไล่นักข่าวจอมปลอมของพวกเขาออกทันที และขอโทษผม รวมถึงนักบินผู้กล้าหาญที่ ‘บดขยี้’ โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านจนราบคาบ” ทรัมป์กล่าว โดยอ้างถึงรายงานข่าวที่ระบุว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ประเมินว่าการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ เพียงแค่ทำให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านล่าช้าไปไม่กี่เดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในระดับหนึ่ง อิหร่านอาจเพียงแค่เล่นเกมตามแบบของทรัมป์ ด้วยการส่งสัญญาณในสิ่งที่เขาอยากได้ยิน แม้ว่าสถานที่นิวเคลียร์ของสาธารณรัฐอิสลามจะไม่ได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์จริง ๆ ก็ตาม แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ การทำให้ดูเหมือนว่าโครงการถูกทำลายไปแล้ว ก็ยังถือเป็นประโยชน์สูงสุดของเตหะรานอยู่ดี
ที่มา Zerohedge
-------------------------------------
หากต้องรบกับอิสราเอลและสหรัฐอีกคร้ัง อิหร่านจะได้เปรียบ
24-7-2025
ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน “อีกครั้ง หากจำเป็น” อย่างไรก็ตาม เขาจำเป็นต้องยอมรับความจริงที่ยากจะกลืน – ว่าสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านเคยผลักดันและต้านทานอำนาจร่วมของอิสราเอลและสหรัฐอเมริกาได้มาแล้วครั้งหนึ่ง และสามารถทำได้อีกครั้ง ดร.เซเยด โมฮัมหมัด มารานดี ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเตหะราน กล่าว
“สหรัฐฯ ควรย้อนกลับไปดูภาพเหตุการณ์การยิงขีปนาวุธของอิหร่านใส่เทลอาวีฟและพื้นที่อื่น ๆ ใน [ดินแดนที่ถูกยึดครอง] ปาเลสไตน์ และตระหนักว่า ความรุนแรงต่ออิหร่านไม่ก่อประโยชน์ใด ๆ ต่อระบอบอิสราเอล และก็ไม่เป็นผลดีกับสหรัฐฯ เช่นกัน” นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ผู้มีผลงานมากมายกล่าว
มารานดีกล่าวว่า อิหร่านได้ “เอาชนะ” กลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ–อิสราเอลอย่างชัดเจนมาแล้ว และบังคับให้นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูต้องยอมรับการหยุดยิงที่อิหร่านเป็นฝ่ายกำหนดเงื่อนไข (ตามที่อดีตที่ปรึกษาคนสำคัญของทรัมป์ สตีฟ แบนนอน ยืนยันเมื่อไม่นานมานี้) และอิหร่านก็พร้อมรับมือกับสถานการณ์ทุกรูปแบบ
เขาเน้นว่า หากเกิดความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้น อิหร่านสามารถ “ทำลาย” ทรัพย์สินทางทหารของสหรัฐฯ ในอ่าวเปอร์เซีย เอเชียตะวันตก และแถบคอเคซัสได้อย่างง่ายดาย
ความได้เปรียบของอิหร่าน
หากมีการเผชิญหน้าครั้งหน้า (หากจะมีอีก) อิหร่านจะมีแต้มต่อมากขึ้นในการตอบโต้การรุกราน ดร.มารานดีระบุ โดยชี้ให้เห็นว่า:
อิหร่าน “ได้เรียนรู้อย่างมาก” เกี่ยวกับอาวุธไฮเทคของสหรัฐฯ และอิสราเอล
อิหร่านจะเดินหน้าขยายขีดความสามารถของระบบขีปนาวุธเพื่อใช้เป็นเครื่องยับยั้งภัยคุกคาม
อิหร่านจะไม่เผชิญกับปฏิบัติการก่อวินาศกรรมและจารกรรมในระดับเดียวกับที่เคยเกิดขึ้น รวมถึงกรณีผู้ตรวจสอบจาก IAEA ที่ลักลอบสอดแนมโครงการนิวเคลียร์ให้อเมริกาและอิสราเอล
อิสราเอลและสหรัฐฯ จะไม่มี “ความได้เปรียบจากการโจมตีสายฟ้าแลบ” อีกต่อไป เพราะได้ “เปิดไพ่” และ “แสดงศักยภาพที่มี” ไปแล้ว
ที่มา Sputnik