.

BRICS ผนึกกำลังต้านแรงกดดันสหรัฐฯ เร่งใช้เงินประจำชาติ 'เดินหน้าการค้าไร้ดอลลาร์'
2-8-2025
RT รายงานว่า BRICS โต้กลับ! ทรัมป์กดดันเวทีโลกด้วยภาษี-คว่ำบาตร ระบบการเงินใหม่ตั้งรับมหาอำนาจเก่า
**ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐฯ ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความสัมพันธ์กับอินเดียและกลุ่ม BRICS ในระดับที่เกินความคาดหมาย แม้ว่าแต่ละประเทศจะเตรียมการล่วงหน้ารับมือพฤติกรรมนโยบายไม่แน่นอนของทรัมป์ แต่ไม่มีประเทศใดคาดว่าเขาจะใช้มาตรการที่กระทบต่อโครงสร้างระเบียบโลกและหลักการทูตร่วมสมัยรุนแรงเช่นนี้**
**ท่าทีล่าสุดของทรัมป์ต่ออินเดียและ BRICS สะท้อนพลวัตซับซ้อนของเวทีพหุขั้ว:**
กลุ่ม BRICS มุ่งหวังขยายบทบาททั้งทางเศรษฐกิจ การเงิน และการเมืองในเวทีโลก รับกับการเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริง กลุ่มนี้เริ่มเร่งใช้สกุลเงินประจำชาติในการค้า–การเงิน ท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มข้นขึ้นของประเทศตะวันตกต่อรัสเซีย ทั้งนี้ การค้าระหว่างรัสเซีย-จีนขณะนี้แทบทั้งหมดใช้รูเบิลและหยวน ส่วนอินเดียก็เดินหน้าใช้กลไก “รูปี–รูเบิล” กับรัสเซียและคู่ค้าสำคัญ
มาตรการคว่ำบาตรรองซ้อน (secondary sanctions) จากฝั่งสหรัฐฯ ไม่สามารถป้องกันประเทศคู่ค้าต่าง ๆ รวมถึงอินเดีย จากการหันไปใช้เงินประจำชาติในการชำระบัญชี เพราะการกดดันนี้ยังผลให้คลื่น de-dollarization เร่งตัว ท้ายที่สุด หากสหรัฐฯ ใช้ดอลลาร์เป็น “อาวุธ” ต่อไป ยิ่งกลายเป็นการผลักให้โลกเดินหน้ากระจายอำนาจทางการเงินและหา route ทางเลือกอย่างที่ทรัมป์เองกังวล
**อินเดียชี้แจงอย่างเป็นทางการว่าไม่อยู่ในขบวนลดพึ่งพาดอลลาร์เด่นชัด:**
แม้อินเดียพึ่งสหรัฐฯ ทั้งในฐานะคู่ค้า การรับเทคโนโลยี และเงินลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายพัฒนา เงื่อนไขดังกล่าวไม่ตัดสิทธิ์ในการสร้างพันธมิตรใหม่หรือปรับสมดุลความสัมพันธ์ (rebalance) เพื่อลดความเสี่ยงจากการผูกขาดความสัมพันธ์กับประเทศใดประเทศหนึ่งเกินไป อินเดียต้องคงความหลากหลายในยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ
**ทรัมป์ยกระดับใช้นโยบายภาษี–คว่ำบาตรเป็นอาวุธต่อรอง:**
เขาเชื่อว่าสามารถกดดันประเทศคู่ค้าให้เข้าสู่โต๊ะเจรจาถ้าเจอ “ภาษีนำเข้ารุนแรง” จะยอมผ่อนปรนกฎเกณฑ์การเปิดตลาดสินค้าอเมริกัน แต่รอบล่าสุด อินเดียส่งสัญญาณแข็งกร้าว พร้อมปกป้องผลประโยชน์ตนเอง เช่นเดียวกับกรณีบราซิลที่ถูกโจมตีด้วยภาษีสูง 50% ด้วยเหตุผลทางการเมืองภายในประเทศนั้นๆ
**เป้าโจมตี BRICS และความเข้าใจผิดว่า BRICS จะล่มสลาย:**
หลังกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ขู่ว่าหากกลุ่ม BRICS เดินหน้าพัฒนา “สกุลเงินร่วม” หรือช่องทางทำธุรกรรมที่ไม่ผ่านดอลลาร์ จะเจอมาตรการภาษีขั้นสูง เห็นได้ว่าเขาประเมินกลุ่ม BRICS ว่า “จะล่มสลาย” ภายใต้แรงข่มขู่ดังกล่าว
แต่ “ความจริง” จากการประชุมสุดยอด BRICS ที่บราซิลเมื่อเดือนกรกฎาคม สะท้อนกลับโดยตรงว่าสมาชิกไม่ได้ถูกขู่จนถอย ตรงกันข้าม การบีบบังคับในเชิงเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ อาจยิ่งกระตุ้นให้หลายประเทศกำลังปรับตัวและตั้งหน้าสร้างพันธมิตรใหม่เพื่อท้าทายอำนาจขั้วเดียวมากขึ้น
**ข้อวิจารณ์ “ความผิดพลาดในการประเมินโลก” ของวอชิงตัน:**
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ยังขาดความเข้าใจเทรนด์สำคัญของโลกพหุอำนาจในยุคใหม่ ในขณะที่เดินสายสร้างภาพ “ผู้นำสร้างสันติภาพ” เช่น ปรารถนาได้รางวัลโนเบล–แต่ก็ส่งฝูงบินถล่มอิหร่าน หนุนอิสราเอลในวิกฤตกาซา และขู่จีนด้วยภาษี 100% รวมทั้งพูดถึงการทิ้งระเบิดกรุงปักกิ่ง หากจีนรุกไต้หวัน ทั้งที่กระบวนการเจรจาการค้ากำลังดำเนินต่อ ไม่มีเหตุผลที่ BRICS จะต้องยอมสหรัฐฯ ในการกำหนดวาระหรือขอบเขตเป้าหมายตนเอง
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเลือกถอนตัวหรือบ่อนทำลายข้อตกลงและสถาบันนานาชาติสำคัญ ตั้งแต่ Paris Climate Agreement, WHO, UN Human Rights Commission, UNESCO ไปจนถึงองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ
**ช่องว่างอิทธิพลที่สหรัฐฯ ทิ้งไว้ ไม่ใช่สุญญากาศ:**
ทรัมป์เชื่อว่าองค์กรเหล่านั้นอยู่ไม่ได้หากไร้ทุนและบทนำจากอเมริกา—แต่ความจริงคือเมื่อสหรัฐฯ ถอยหลัง ช่องว่างดังกล่าวกลับถูกจีนและกลุ่มประเทศใหม่เข้าแทนที่อย่างรวดเร็ว ณ ปัจจุบัน จีนเป็นผู้สนับสนุนเงินอันดับสองของ UN ขยายอิทธิพลในเวทีสำคัญทันที
พร้อมกันนั้น แรงกดดัน/การรุกล้ำยุโรปโดยนโยบายของสหรัฐฯ กลับทำให้บ่วงพันธมิตรฝั่งตะวันตกอ่อนแอลง โลกจึงปรับตัวเร็วยิ่งขึ้นในการบริหารกิจการระหว่างประเทศโดยไม่ขึ้นกับอเมริกาเท่าในอดีต ส่งผลให้บทบาทนำของสหรัฐฯ ในเวทีโลกเริ่มสั่นคลอนและอาจถึงขั้นถูกแทนที่เมื่อศูนย์กลางอำนาจ (power center) ใหม่ ๆ ผุดขึ้น
นโยบาย strong-arm ของสหรัฐฯ ยุคทรัมป์ กลายเป็นตัวเร่งดันระบบโลกพหุขั้ว และสร้างแรงกระตุ้นให้ BRICS กับโลกใหม่เดินหน้าตั้งโครงสร้างสมดุลอำนาจ ตอบสนองนโยบายกระจายอำนาจและลดบทบาทดอลลาร์ เชื่อมโยงไปสู่การท้าทายสหรัฐฯ ทั้งในเวทีเศรษฐกิจ การเงิน และการเมืองระหว่างประเทศอย่างที่สะท้อนในข่าวนี้
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/india/622109-trump-tariffs-brics-india-brazil/