.

Standard Chartered เตือน ดอลลาร์สหรัฐอาจดิ่งรุนแรงในปี 2026 หากนโยบายทรัมป์เพิ่มหนี้แต่ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ
29-5-2025
Bloomberg รายงานว่า ธนาคาร Standard Chartered เปิดเผยในรายงานวิจัยล่าสุดว่า ความเสี่ยงที่ดอลลาร์สหรัฐจะประสบกับการอ่อนค่าอย่างรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในปี 2026 หากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งผลให้ภาระหนี้ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดยไม่สามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมาย
รายงานระบุว่า หนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ และภาระผูกพันทางการเงินกับนักลงทุนต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นพร้อมกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หากนักลงทุนต่างชาติเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่น โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาประเมินผลกระทบระยะยาวของการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สตีฟ อิงแลนเดอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศของกลุ่ม G10 อธิบายว่า การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้เงินออมภายในประเทศลดลง ขณะที่ความต้องการเงินทุนจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่มากขึ้น การรักษาระดับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงอาจกลายเป็นความท้าทายในเดือนข้างหน้า หากนโยบายของทรัมป์ไม่สามารถกระตุ้นการเติบโตและนักลงทุนต่างชาติเริ่มขาดความเชื่อมั่น
"หากเศรษฐกิจหรือตลาดการเงินเกิดภาวะชะงักงัน ความเสี่ยงที่ดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงจะยิ่งสูงขึ้นตามการสะสมของหนี้สินต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น" อิงแลนเดอร์กล่าว พร้อมเสริมว่าเจ้าหนี้ต่างประเทศมีแนวโน้มจะกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืนของหนี้ หากนโยบายภาษีศุลกากรและภาษีเงินได้ไม่สามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ และ "ความกังวลเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะปรากฏในรูปแบบของเบี้ยประกันความเสี่ยง ซึ่งอาจอยู่ในรูปของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหรือดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง"
ดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบแล้วจากนโยบายภาษีศุลกากรที่เข้มงวดของทรัมป์และการประกาศใช้ที่สร้างความสับสน ส่งผลให้นักลงทุนบางรายเริ่มตั้งคำถามถึงเสถียรภาพของสินทรัพย์สหรัฐฯ แม้ว่าทรัมป์จะแสดงความเต็มใจที่จะเจรจาเกี่ยวกับนโยบายการค้า แต่นักลงทุนกำลังหันความสนใจไปที่ประเด็นการคลังและปริมาณหนี้ใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากร่างกฎหมายภาษีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ของเขา
รายงานระบุว่า ในขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศยังลังเลที่จะเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิมทั้งหมด ขณะที่รอดูว่านโยบายของทรัมป์จะช่วยกระตุ้นการเติบโตได้หรือไม่ ร่างกฎหมายภาษีอาจช่วยเศรษฐกิจในปีนี้หากได้รับการอนุมัติ แต่อิงแลนเดอร์ระบุว่า แรงกระตุ้นมีแนวโน้มจะเริ่มอ่อนลงในช่วงกลางปี 2026 หรือ 2027 ซึ่งจะนำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวต่อการเติบโตและหนี้สิน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า นักลงทุนจะลังเลที่จะเพิ่มการลงทุนในดอลลาร์หากนโยบายการค้ายังคง "ไม่แน่นอน" ซึ่งอาจทำให้ดอลลาร์เคลื่อนไหว "อย่างชัดเจน" นอกจากนี้ แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในจีนและยุโรปจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้เกิดการขายมากขึ้น
อิงแลนเดอร์ยังเตือนว่า ประสิทธิผลของการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอาจมีข้อจำกัด เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยในพันธบัตรระยะสั้นอาจไม่ส่งผลไปถึงพันธบัตรระยะยาว หากนักลงทุนมองว่าการขาดดุลการคลังที่มักเพิ่มขึ้นในช่วงเศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลให้เส้นทางหนี้ไม่ยั่งยืนมากขึ้น
แม้ว่าสหรัฐฯ อาจไม่เสี่ยงต่อการล้มละลายตราบใดที่รัฐบาลยังคงสามารถออกหนี้สกุลเงินดอลลาร์ได้ แต่อิงแลนเดอร์เตือนว่า "การผิดนัดชำระหนี้โดยอ้อมผ่านความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออาจกลายเป็นความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญ" และ "หากเส้นทางหนี้ไม่ได้รับการปรับให้มีเสถียรภาพมากขึ้น เงื่อนไขการกู้ยืมอาจกลายเป็นภาระที่หนักขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเบี้ยประกันความเสี่ยงจะเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมทั้งภาครัฐและเอกชน"
---
IMCT NEWS