สหรัฐฯหวนคืนละตินอเมริกาท่ามกลางอิทธิพลจีน
สหรัฐฯ หวนคืนสังเวียนละตินอเมริกา ท่ามกลางอิทธิพลจีนในทรัพยากร–แร่ยุทธศาสตร์ และวิกฤตเวเนซุเอลา
20-12-2025
สถานการณ์ในภูมิภาค Latin America กำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง เมื่อความพยายามแทรกแซงจาก China และการเสื่อมถอยของรัฐบาลฝ่ายซ้ายในหลายประเทศ ได้กระตุ้นให้รัฐบาล US ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump (โดนัลด์ ทรัมป์) เตรียมปรับนโยบายหวนคืนสู่บทบาทเชิงรุกในภูมิภาคที่เคยถูกละเลยมานานหลายทศวรรษ
Venezuela: จากรัฐที่มั่งคั่งสู่หายนะภายใต้ระบอบอาชญากรรม
วิกฤตการณ์ใน Venezuela ถือเป็นจุดศูนย์กลางของปัญหา โดยจากอดีตประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในภูมิภาคเมื่อ 50 ปีก่อน ปัจจุบันกลับต้องเผชิญกับสภาวะล่มสลายทางเศรษฐกิจ โดย GDP ลดลงกว่าร้อยละ 70 นับตั้งแต่ Hugo Chavez (ฮิวโก ชาเวซ) และ Nicolas Maduro (นิโคลัส มาดูโร) ก้าวขึ้นสู่อำนาจ
รัฐบาล US ได้ตราหน้าคณะบริหารของ Maduro (มาดูโร) ว่าเป็น "รัฐก่อการร้ายยาเสพติด" (Narco-terrorist state) ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรม Tren de Aragua โดยทำหน้าที่หลักในการลักลอบขนส่งยาเสพติดและค้ามนุษย์เข้าสู่ US ทั้งนี้ วอชิงตันได้ประกาศรางวัล นำจับ Maduro (มาดูโร) มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ และให้การรับรอง María Machado (มาเรีย มาชาโด) ผู้นำฝ่ายค้านดีกรีรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ให้เป็นประธานาธิบดีที่ชอบธรรมของ Venezuela แทน
บทเรียนจากประวัติศาสตร์และอิทธิพลของ China
ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ นโยบายของ US ต่อภูมิภาคนี้มักจะแกว่งไปมาระหว่างการรักษาผลประโยชน์ของบริษัทเอกชน เช่น กรณีของ United Fruit Company ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และ "นโยบายเพื่อนบ้านที่ดี" (Good Neighbor Policy) ของประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt (แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์) จนกระทั่งถึงยุคสงครามเย็นที่การผงาดขึ้นของคอมมิวนิสต์นำโดย Fidel Castro (ฟิเดล คาสโตร) ทำให้ US ต้องเข้ามาแทรกแซงอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม หลังการล่มสลายของ Soviet Union ในปี 1991 วอชิงตันตกอยู่ในสภาวะเฉื่อยชาต่อการเมืองใน Latin America มานาน จนกระทั่งการผงาดขึ้นของ China ที่มุ่งเน้นการครอบงำทรัพยากรยุทธศาสตร์และแร่ธาตุสำคัญ ได้กลายเป็นปัจจัยปลุกให้ US ต้องกลับมาแสดงท่าทีที่ชัดเจนอีกครั้ง
การผงาดของขั้วอำนาจฝ่ายขวาและการเมืองรูปแบบใหม่
ความสนใจของ US ต่อภูมิภาคนี้เพิ่มสูงขึ้นจากการชนะเลือกตั้งของ Javier Milei (ฮาเวียร์ มิเลอิ) ใน Argentina ซึ่งมีนโยบายทุนนิยมเสรีนิยมใหม่ที่สอดคล้องกับวอชิงตัน รวมถึงการเติบโตของผู้นำอย่าง Nayib Bukele (นายิบ บูเคเล) ใน El Salvador และ José Kast (โฮเซ คาสต์) ใน Chile
วอชิงตันได้ส่งสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนว่าจะ "ไม่ยอมทน" ต่อการตั้งฐานทัพต่างชาติ (โดยเฉพาะจาก China หรือรัสเซีย) ในภูมิภาคนี้ และจะไม่ยอมให้มีการกักตุนทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นต่อ US โดยวอชิงตันพร้อมจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ดังเช่นที่เคยปฏิบัติกับ Manuel Noriega (มานูเอล นอริเอกา) อดีตผู้นำ Panama ในปี 1989
บทสรุป: ภายใต้บริบทของภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป นักวิเคราะห์มองว่าประธานาธิบดี Donald Trump (โดนัลด์ ทรัมป์) จะไม่ลังเลที่จะเข้าแทรกแซงเพื่อสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามของ Maduro (มาดูโร) และกวาดล้างเครือข่ายรัฐอาชญากรรมใน Venezuela ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงและวัฒนธรรมของ US ในปัจจุบัน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.zerohedge.com/geopolitical/conrad-black-chinas-expanding-influence-rekindles-us-engagement-latin-america