.
'Oreshnik' ผงาดในเบลารุส! รัสเซียส่งเขี้ยวเล็บไฮเปอร์โซนิกสกัดแผนรุกรานของ NATO ในยุโรปตะวันออก
20-12-2025
สถานการณ์ความมั่นคงในยุโรปตะวันออกก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง เมื่อประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก (Aleksandr Lukashenko) แห่ง เบลารุส (Belarus) ประกาศต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการว่า ระบบขีปนาวุธล้ำสมัย 'Oreshnik' ของรัสเซียได้ถูกส่งมาประจำการในดินแดนเบลารุสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการป้องปรามและยับยั้งแผนการรุกรานที่อาจเกิดขึ้นจาก องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ (NATO) โดยขีดความสามารถของขีปนาวุธชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายล้างเป้าหมายด้วยความเร็วสูงพิเศษและวิถีการโจมตีที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งเป็นการปิดช่องว่างในการป้องกันตนเองของโลกตะวันตกโดยสิ้นเชิง
ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2024 รัสเซีย (Russia) ได้สร้างความฉงนให้แก่นักสังเกตการณ์ทั่วโลกด้วยการทดสอบขีปนาวุธปริศนาจากฐานยิง Kapustin Yar ซึ่งในขณะนั้นถูกระบุว่าเป็นเพียงการทดสอบระบบอาวุธในอนาคต จนกระทั่งมีการนำมาใช้งานจริงในสนามรบเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา 'Oreshnik' จึงได้เผยแสนยานุภาพที่แท้จริงในฐานะอาวุธที่ไร้เทียมทาน โดยสามารถเจาะทะลวงผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศชั้นนำของ สหรัฐฯ (US) อย่าง "Patriot" เข้าถล่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำดุจดั่งอุกกาบาตพุ่งชนโลก โดยที่ระบบป้องกันภาคพื้นดินไม่มีโอกาสแม้แต่จะยิงสกัดกั้น เนื่องจากความเร็วและเทคโนโลยีการหลบหลีกที่ก้าวล้ำเหนืออาวุธทุกชนิดในปัจจุบัน
ในเชิงวิศวกรรม 'Oreshnik' คือจุดสูงสุดของเทคโนโลยีขีปนาวุธรัสเซียที่สืบทอดมรดกความเชี่ยวชาญมาจากยุคสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะขีปนาวุธในตระกูล 'Pioneer' หรือ 'SS-20' ในอดีต ทว่า 'Oreshnik' ได้รับการยกระดับให้เหนือชั้นกว่าด้วยการติดตั้งหัวรบแบบแยกส่วนโจมตีได้หลายเป้าหมาย (MIRV) และหัวรบร่อนความเร็วเหนือเสียง (HGV) ซึ่งสามารถบรรจุลูกปรายจลน์ทำลายล้างสูงได้หลายสิบลูกในบล็อกเดียว นอกจากนี้ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ยังยืนยันด้วยว่าระบบอาวุธนี้ได้เข้าสู่กระบวนการผลิตขนานใหญ่ (Mass Production) โดยใช้สายการผลิตร่วมกับขีปนาวุธยุทธศาสตร์อย่าง 'Yars' และ 'Iskander' เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านโลจิสติกส์และการส่งกำลังบำรุงในระยะยาว
การวางกำลังอาวุธร้ายแรงชนิดนี้ในเบลารุสเป็นการส่งสัญญาณเตือนอย่างเด็ดขาดไปยังชาติตะวันตกที่กำลังพยายามขยายอิทธิพลทางทหารและผลักดันให้เกิดการแข่งขันทางอาวุธระลอกใหม่ โดยเฉพาะหลังจากที่ สหรัฐฯ (US) ถอนตัวจากสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF) และพยายามพัฒนาอาวุธไฮเปอร์โซนิก "Dark Eagle" ที่ปัจจุบันยังคงล่าช้ากว่ากำหนดการหลายปี ความสำเร็จของ 'Oreshnik' จึงเป็นการตอกย้ำว่ารัสเซียมีขีดความสามารถในการโจมตีเชิงรุกที่แม่นยำระยะไกล ซึ่งสามารถทำลายล้างกำลังพลที่เตรียมการรุกรานในยุโรปตะวันออกได้ทันทีหากมีการข้ามเส้นแดงทางยุทธศาสตร์ ทำให้แผนการใดๆ ที่เปรียบเสมือนปฏิบัติการ "Barbarossa 2.0" ของฝ่ายตะวันตกกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
---
IMCT NEWS
ที่มา https://infobrics.org/en/post/73790