.
Thailand
Dark Eagle ไฮเปอร์โซนิกสหรัฐฯ ไม่ใช่ 'อาวุธวิเศษ' สู้จีน หากฐานยิง–ระบบปฏิบัติการโจมตี–กำลังการผลิตไม่เสถียร
20-12-2025
Asia Times รายงานว่า แม้อาวุธปล่อยนำวิถีไฮเปอร์โซนิก "Dark Eagle" จะถูกจับตามองในฐานะอาวุธทางยุทธศาสตร์ใหม่ที่สามารถโจมตีเป้าหมายด้วยความเร็วสูงพิเศษและแม่นยำลึกเข้าไปในดินแดนศัตรู ทว่าบทวิเคราะห์ล่าสุดชี้ให้เห็นว่า อาวุธชนิดนี้อาจไม่ได้เป็น "อาวุธวิเศษ" (Silver Bullet) ที่จะชี้ขาดชัยชนะเหนือ ประเทศจีน (China) ได้ในทันที หากกองทัพ สหรัฐฯ (US) ยังไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานและสายการผลิตที่เปราะบาง
จากการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคของระบบอาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยไกล (LRHW) โดย พลโท ฟรานซิสโก โลซาโน (Francisco Lozano) ระบุว่าระบบนี้มีพิสัยทำการไกลถึง 3,500 กิโลเมตร สามารถพุ่งเป้าทำลายศูนย์สั่งการและระบบป้องกันภัยทางอากาศที่หนาแน่นได้ภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะชี้วัดประสิทธิภาพในสนามรบจริงกับ จีน (China) นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วเพียงอย่างเดียว แต่ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก:
-ความเปราะบางของฐานยิงและโครงสร้างพื้นฐาน
แม้ระบบ Dark Eagle จะถูกออกแบบมาให้เคลื่อนที่ได้เพื่อใช้ยุทธวิธี "ยิงแล้วหนี" (Shoot-and-scoot) แต่ด้วยขนาดฐานยิงที่เป็นรถบรรทุกหนักและรถพ่วงขนาดใหญ่ ทำให้การวางกำลังในพื้นที่ส่วนหน้าทำได้จำกัด และเสี่ยงต่อการถูกตรวจจับโดยระบบสอดแนมจากอวกาศของ จีน (China) หากฐานยิงถูกทำลายก่อนเริ่มปฏิบัติการ ขีดความสามารถไฮเปอร์โซนิกย่อมไร้ความหมาย
-ความไม่แน่นอนของระบบปฏิบัติการโจมตี (Kill Chains)
ประสิทธิภาพของ Dark Eagle ขึ้นอยู่กับความแม่นยำในการชี้เป้าผ่านระบบดาวเทียมและเซนเซอร์สอดแนม (ISR) ทว่าปัจจุบัน จีน (China) ได้พัฒนาเทคโนโลยีต่อต้านดาวเทียม (ASAT) และระบบรบกวนสัญญาณที่ก้าวหน้าอย่างมาก หากระบบปฏิบัติการโจมตีถูกตัดขาด สหรัฐฯ (US) จะไม่สามารถใช้จุดเด่นเรื่องความแม่นยำในการโจมตีด้วยพลังงานจลน์ได้เลย
- กำลังการผลิตที่ยังไม่เพียงพอต่อสงครามระยะยาว
ด้วยอัตราการผลิตที่คาดการณ์ไว้เพียง 1-2 ลูกต่อเดือน และต้นทุนที่สูงถึง 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อลูก ทำให้ สหรัฐฯ (US) เผชิญกับโจทย์หินเรื่องความยั่งยืนของการใช้พื้นที่ยุทธศาสตร์ ซึ่งไม่สามารถเทียบกับจำนวนฐานยิงขีปนาวุธนับร้อยของ จีน (China) ที่มีศักยภาพในการโจมตีตอบโต้อย่างต่อเนื่องได้
ท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จของ Dark Eagle ในสมรภูมิอินโด-แปซิฟิก จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วเหนือเสียงของตัวมันเอง แต่ขึ้นอยู่กับว่า สหรัฐฯ (US) จะสามารถสร้างระบบปฏิบัติการโจมตีที่ยืดหยุ่น รักษาฐานยิงให้รอดพ้นจากการโจมตี และเร่งกำลังการผลิตให้ทันต่อสภาวะสงครามยืดเยื้อได้หรือไม่ ก่อนที่อาวุธมูลค่าสูงชนิดนี้จะกลายเป็นเพียงสินทรัพย์ที่ขาดแคลนและเข้าไม่ถึงชัยชนะในสงครามจริง
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/12/dark-eagle-us-hypersonic-no-silver-bullet-against-china/
© Copyright 2020, All Rights Reserved