.
2025 ปีแห่งชัยชนะของ "สี จิ้นผิง" จีนผงาดเหนือสงครามการค้าทรัมป์ พร้อมความท้าทายใหม่ในเศรษฐกิจภายในประเทศ
30-12-2025
Bloomberg รายงานว่า สำหรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ปี 2025 ซึ่งเริ่มต้นด้วยความท้าทายกำลังปิดฉากลงด้วยสัญญาณแห่งชัยชนะ
จีนสามารถรับมือกับสงครามการค้ารอบใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยใช้จุดแข็งด้านแร่หายาก (rare earths) กดดันให้สหรัฐฯ ผ่อนปรนนโยบายภาษีศุลกากรและการควบคุมการส่งออก ขณะเดียวกัน จีนยังปรับทิศทางการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ๆ นอกสหรัฐฯ ดันเกินดุลการค้าทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก และแม้จะเผชิญข้อจำกัดจากวอชิงตัน แต่บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์และเซมิคอนดักเตอร์ของจีนยังเร่งระดมทุนเข้าสู่ตลาด IPO โดยได้รับแรงหนุนจากแนวนโยบาย “พึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี” ของผู้นำจีน
ในเวทีระหว่างประเทศ สี จิ้นผิงแสดงภาพความเป็นผู้นำที่ทรงอำนาจ เขาเป็นประธานพิธีสวนสนามทางทหารในกรุงปักกิ่ง (Beijing) โดยมีผู้นำต่างชาติร่วมกว่า 20 ประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพทางทหารที่พร้อมสนับสนุนวิสัยทัศน์จีนเกี่ยวกับระเบียบโลกใหม่ (new world order) เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา สีได้พบหารือกับทรัมป์ที่เกาหลีใต้ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ เรียกว่า “การประชุมกลุ่ม G2” — ภาษาที่แสดงการยอมรับสถานะของจีนในฐานะมหาอำนาจเท่าเทียมกับสหรัฐฯ
กระทั่งนักการเมืองสายแข็งต่อต้านจีนในรัฐบาลทรัมป์เองก็เริ่มลดน้ำเสียง เช่น มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเคยถูกจีนคว่ำบาตร ได้ออกมากล่าวเมื่อเดือนนี้ว่า ควรบริหารความสัมพันธ์ “อย่างเป็นผู้ใหญ่”
โจนาธาน ซิน (Jonathan Czin) นักวิเคราะห์จากสถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) ซึ่งเคยเป็นอดีตนักวิเคราะห์จีนของ CIA ระบุว่า “ปีนี้เป็นปีที่ดีกว่าที่สี จิ้นผิงคาดหวังไว้มาก โดยแทบทุกมิติแล้ว เขามีสถานะที่มั่นคงกว่าปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด”
ด้วยข้อจำกัดที่ทำให้ทรัมป์ไม่สามารถเพิ่มภาษีหรือตราการควบคุมชิปต่อจีนได้ในระยะสั้น — จนกว่าสหรัฐฯ จะสร้างอุตสาหกรรมแร่สำคัญของตนเองได้ — คำถามคือ สี จิ้นผิงจะใช้โอกาสนี้ต่อยอดอย่างไร
ขณะนี้ ปักกิ่งเริ่มกดดันหนักขึ้นในประเด็นไต้หวัน (Taiwan) ทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร รวมถึงใช้มาตรการตอบโต้ญี่ปุ่น (Japan) หลังกรณีการสนับสนุนเกาะดังกล่าว นอกจากนี้ กองทัพจีนยังเปิดการซ้อมรบรอบไต้หวันอีกระลอก หลังสหรัฐฯ ประกาศอนุมัติแพ็คเกจอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดชิ้นหนึ่งให้เกาะที่มีประชากร 23 ล้านคน ขณะเดียวกัน จีนยังเดินหน้าพึ่งพาภาคการผลิตเป็นฐานหลัก แม้ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) จะเตือนว่านี่คือ “ประเด็นที่เป็นความเป็นความตาย” ของสหภาพยุโรป (EU)
ในช่วงต้นปี 2026 ผู้นำจากเยอรมนี (Germany) สหราชอาณาจักร (UK) และไอร์แลนด์ (Ireland) เตรียมเยือนปักกิ่ง ซึ่งจะเป็นบททดสอบต่อความสามารถของสีในการต่อยอดอำนาจใหม่ก่อนการเยือนของทรัมป์ในเดือนเมษายน โดยอู่ ซินป๋อ (Wu Xinbo) นักวิชาการที่เคยเป็นที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า หนึ่งในข้อเรียกร้องหลักของจีนคือ “การปรับถ้อยคำทางการทูตของสหรัฐฯ เกี่ยวกับไต้หวันที่ใช้มานานหลายทศวรรษ”
แต่ภายใต้ความสำเร็จทางการทูตเหล่านี้ สี จิ้นผิงยังคงเผชิญแรงกดดันภายในประเทศ ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างและการกวาดล้างบุคลากรระดับสูงในกองทัพและพรรคคอมมิวนิสต์
โยร์ก วุตเคอ (Joerg Wuttke) หุ้นส่วนของกลุ่มที่ปรึกษา Albright Stonebridge Group ในกรุงวอชิงตัน และอดีตประธานหอการค้าสหภาพยุโรปในจีน กล่าวว่า “ปัญหาของสีไม่ใช่เรื่องการต่างประเทศหรือทรัมป์ หากแต่เป็นเศรษฐกิจจีนของเขาเอง”
ข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics) ระบุว่า ตัวเลขการผลิตอุตสาหกรรม การลงทุน และยอดค้าปลีกในเดือนพฤศจิกายนต่างทำได้ต่ำกว่าคาดการณ์ เผยให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวต่อเนื่องแม้เข้าใกล้สิ้นปี
แม้ภายนอกดูเหมือนเศรษฐกิจจีนแข็งแกร่ง โดยการส่งออกที่เติบโตช่วยพยุงอัตราการขยายตัวราว 5% โดยไม่ต้องอัดฉีดมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ แต่แรงส่งดังกล่าวเริ่มลดลง การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1998 ยอดค้าปลีกชะลอตัวแตะระดับต่ำที่สุดนับจากยุคโควิด และราคาบ้านใหม่ร่วงลงต่อเนื่องจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไร้ทางออก
รัฐบาลจีนประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าจะขยายฐานการใช้จ่ายการคลังในปี 2026 โดยเน้นการลงทุนเชิงเป้าหมายในภาคอุตสาหกรรมชั้นสูง นวัตกรรมเทคโนโลยี และการพัฒนาทุนมนุษย์ ตามถ้อยแถลงของกระทรวงการคลัง (Ministry of Finance)
ด้านการเมืองภายใน ประเทศจีนกำลังเผชิญความกังวลเพิ่มขึ้น หลังสี จิ้นผิงเร่งสอบสวนคดีคอร์รัปชันเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นจำนวนมาก และก่อนหน้านี้ได้กวาดล้างนายทหารระดับนายพลหลายสิบคน โดยบรรดาผู้สมัครตำแหน่งนำภายในพรรคจะเริ่มช่วงแข่งขันรุนแรงยิ่งขึ้นในเดือนตุลาคม เมื่อจีนเริ่มนับถอยหลังหนึ่งปีก่อนการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งสีอาจมุ่งชิงการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 4
แม้ยังไม่มีหลักฐานว่าสี จิ้นผิงถูกท้าทายอำนาจโดยตรง แต่บรรยากาศการปราบปรามภายในทำให้เกิดคำถามต่อขีดความพร้อมของกองทัพปลดแอกประชาชน (PLA) ในการปฏิบัติภารกิจ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า สีได้สั่งให้กองทัพเตรียมความพร้อมสำหรับการบุกไต้หวันภายในปี 2027
แอลเฟรด อู๋ (Alfred Wu) ศาสตราจารย์ประจำคณะนโยบายสาธารณะ ลีกวนยู (Lee Kuan Yew School of Public Policy) มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) กล่าวว่า “ตอนนี้จีนกำลังเผชิญความปั่นป่วนภายในมากกว่าความท้าทายจากภายนอกอย่างสหรัฐฯ เสียอีก”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านจีนในสหรัฐฯ ชี้ว่า ส่วนหนึ่งของความมั่นใจใหม่ของจีนปีนี้เกิดจากทรัมป์เอง การกลับมาดำรงตำแหน่งของเขาถูกตีความในจีนว่าเป็น “ปัจจัยบวก” ที่ช่วยเปิดช่องให้จีนขยายอิทธิพล เนื่องจากแนวทาง “อเมริกามาก่อน” (America First) ของทรัมป์ทำให้สหรัฐฯ ถอยห่างจากเวทีพหุภาคีและโครงการช่วยเหลือต่างประเทศ ซึ่งเปิดช่องให้จีนก้าวขึ้นมาแทนที่
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ทรัมป์ยกระดับสงครามภาษีแล้วภายหลังกลับลดระดับลง เมื่อขาดแร่สำคัญต่อการผลิตในประเทศ ยังตอกย้ำความเชื่อของสี จิ้นผิงว่า “อำนาจและความเข้มแข็ง” คือคำตอบที่เหนือกว่าการประนีประนอมต่อแรงกดดันจากอเมริกา
ในปีที่ผ่านมา สีได้เห็นทรัมป์ย้อนกลับนโยบายหลายข้อที่เคยทำให้ปักกิ่งไม่พอใจ ทั้งการผ่อนข้อจำกัดส่งออกสินค้าทางทหาร การปฏิเสธไม่ให้ประธานาธิบดีไต้หวันแวะจอดในนครนิวยอร์ก และการทำให้ความสัมพันธ์กับอินเดีย (India) — พันธมิตรสำคัญของวอชิงตันในเอเชีย — ตึงเครียดลง
ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (US Trade Representative) ระบุว่า แผนนโยบายภาษีของสหรัฐฯ “อยู่ในรูปที่ดี” และรัฐบาลทรัมป์ได้ “ปรับระเบียบการค้าโลกใหม่อย่างเป็นรูปธรรม”
ขณะเดียวกัน แวดวงผู้สังเกตการณ์จีนในสหรัฐฯ เริ่มตั้งคำถามถึงสิ่งที่ตะวันตกอาจเรียนรู้ได้จากจีน โดยไคเซอร์ กั๋ว (Kaiser Kuo) ผู้ก่อตั้งรายการ Sinica Podcast เขียนบทความชี้ว่า จีนแสดงให้ประเทศกำลังพัฒนา (Global South) เห็นว่าระบบที่รัฐเป็นผู้นำการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสามารถเชื่อมต่อกับตลาดโลกได้ โดยไม่ต้องสูญเสียอธิปไตยทางการเมือง “ไม่ว่าจะชื่นชอบโมเดลนี้หรือไม่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันได้ผลจริง” เขาระบุไว้ในบทความ
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-12-28/xi-s-triumphant-year-staring-down-trump-belies-troubles-in-china