Thailand
จับตาสกุลเงิน BRICS ทางออกวิกฤตการเงินโลกครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี
3/10/2024
ขอบคุณภาพจาก Gulf Insider
เมื่อพิจารณาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ สงครามในยูเครน และสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งกำลังลุกลามไปถึงเลบานอน เราอาจละเลยการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ ที่อาจมีความสำคัญมากกว่าในระยะยาว เช่น การพัฒนาอย่างหนึ่งคือการเพิ่มขึ้นของสกุลเงิน BRICS และบทบาทที่อาจเกิดขึ้นในระบบการเงินโลก
การล่มสลายของดอลลาร์ถูกกล่าวถึงมาหลายปีว่า นี่คือวิกฤตการเงินที่กำลังจะเกิดขึ้นกับระบบการเงินโลก และเป็นการพัฒนาที่สำคัญที่สุดในด้านการเงินระหว่างประเทศในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ
การประชุมสุดยอดผู้นำประจำปีของประเทศ BRICS ที่จะจัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22–24 ตุลาคม ได้รับการระบุว่า จะมีการประกาศเกี่ยวกับความคืบหน้าของแผนสกุลเงิน BRICS ในด้านที่สำคัญ
สมาชิกกลุ่ม BRIC ดั้งเดิมตั้งแต่ปี 2009 ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน แอฟริกาใต้ถูกเพิ่มเข้ามาในปี 2010 เมื่อชื่อกลุ่มถูกเปลี่ยนเป็น BRICS โดยกลุ่มดังกล่าวขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในการประชุมสุดยอดผู้นำในปี 2023 ที่แอฟริกาใต้ เมื่อมีการเพิ่มอียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เข้ามาด้วย (อาร์เจนตินาและซาอุดีอาระเบียได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมด้วย แต่อาร์เจนตินาถอนใบสมัคร และซาอุดีอาระเบียเลื่อนการเป็นสมาชิกโดยระบุว่ายังคงพิจารณาเรื่องนี้อยู่)
BRICS ได้ดำเนินการอย่างแข็งขันตลอดหลายปีที่ผ่านมาในการสถาปนาความคิดริเริ่มของตน ในปี 2014 BRICS ได้จัดตั้งธนาคารพัฒนาแห่งใหม่ (NDB) ซึ่งทำหน้าที่ตามแนวทางของธนาคารโลกในการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่ง NDB มีเงินทุนจากสมาชิกมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 53 โครงการ โดยมีคำมั่นสัญญาต่อโครงการเหล่านี้มากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกเหนือจากสมาชิกปัจจุบัน 9 ประเทศแล้ว ยังมีรายชื่อรออีกกว่า 20 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจ เช่น ไนจีเรีย เวเนซุเอลา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตุรกี เวียดนาม และไทยด้วย จากการที่ BRICS เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังท้าทายกลุ่มตะวันตกเพื่อครองอำนาจทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของโลก
สำหรับประเด็นสกุลเงินของ BRICS เป็นเรื่องที่น่าสับสนสำหรับผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่ และเป็นหัวข้อที่อ่อนไหวแม้กระทั่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญหลายคน แต่สกุลเงินของ BRICS ก็มีความก้าวหน้าอย่างมากในการสร้างตัวเองให้เป็นสกุลเงินสำหรับการชำระเงินที่สามารถใช้งานได้ ข้อกำหนดเบื้องต้น ได้แก่ มูลค่าที่ตกลงกันไว้ (ซึ่งสามารถกำหนดเป็นสกุลเงินอื่นได้ โดยลอยตัวหรือตรึงกับน้ำหนักของทองคำ) ช่องทางการชำระเงินที่ปลอดภัย (โดยพื้นฐานแล้วคือท่อดิจิทัลเข้ารหัสความเร็วสูงสำหรับการรับส่งข้อความที่ผ่านการรับรอง) บัญชีแยกประเภทดิจิทัล และผู้ออกที่ตกลงกันไว้ (NDB ซึ่งมีฐานอยู่ในเซี่ยงไฮ้อาจเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์นี้ แต่สามารถจัดตั้งสถาบันอื่นขึ้นได้)
ขณะเดียวกัน องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือการเป็นสมาชิกสหภาพสกุลเงิน BRICS ที่มีจำนวนมากเพียงพอเพื่อให้ผู้รับเงิน BRICS สามารถใช้เงินดังกล่าวซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ในเขตอำนาจศาลหลายแห่งได้
ส่วนประเด็นสุดท้ายนี้ เป็นจุดที่การชำระเงินด้วยสกุลเงินทางเลือกส่วนใหญ่ล้มเหลว รัสเซียสามารถขายน้ำมันให้จีนด้วยเงินหยวน (ซึ่งขณะนี้กำลังทำอยู่) แต่ถูกจำกัดในแง่ของสถานที่ที่สามารถใช้เงินหยวนได้ (โดยพื้นฐานแล้วจำกัดเฉพาะสินค้าที่ผลิตและเซมิคอนดักเตอร์ของจีน) ซึ่งปัญหาเดียวกันจะเกิดขึ้นเมื่อรัสเซียขายน้ำมันให้อินเดีย (ด้วยเงินรูปี) หรือขายอาวุธให้อิหร่าน (ด้วยเงินเรียล) ผู้ขายจะถูกจำกัดในแง่ของสิ่งที่พวกเขาสามารถซื้อด้วยเงินตราของคู่ค้า แต่ข้อจำกัดนี้จะหมดไปในสหภาพสกุลเงินที่มีสมาชิก 15 หรือ 20 รายขึ้นไป หากรัสเซียได้รับเงิน BRIC จากจีน พวกเขาสามารถซื้อเครื่องบิน Embraer จากบราซิลหรือเซมิคอนดักเตอร์จากมาเลเซียได้
สำหรับเรื่องดังกล่าว การใช้สกุลเงินในการชำระเงินในสหภาพสกุลเงินที่มีสมาชิกหลายรายไม่ได้จำกัดอยู่แค่สมาชิกเท่านั้น ด้วยช่องทางการชำระเงิน ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกสามารถตกลงรับเงินสกุล BRICS เพื่อชำระเงินได้ โดยเชื่อมั่นว่าตนสามารถใช้เงินสกุลนี้ร่วมกับสมาชิก BRICS รายอื่นที่เป็นพันธมิตรทางการค้าได้ โดยมีหลักฐานที่พิสูจน์เรื่องนี้ได้คือยูโรโซน ซึ่งปัจจุบันเป็นสหภาพสกุลเงินที่มีสมาชิก 20 ประเทศ มีธนาคารกลางแห่งเดียว และทั่วโลกยอมรับเงินสกุลยูโร
สำหรับพัฒนาการใหม่ที่น่าสนใจของเรื่องนี้ เกิดขึ้นหลายประการด้วยกัน พัฒนาการแรกคือ สหรัฐฯ กำลังใช้ข้อได้เปรียบด้านหลักนิติธรรมอย่างสิ้นเปลืองด้วยการคว่ำบาตรรัสเซีย การอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซีย และความพยายามที่จะขโมยทรัพย์สินเหล่านั้นและแปลงเป็นเงินกู้มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับยูเครนโดยใช้การเงินแบบมีโครงสร้าง
เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของสหรัฐฯ ประเทศต่างๆ จึงเริ่มระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับเงินสำรองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
ประการที่สอง การประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน รัสเซีย ช่วงปลายเดือนตุลาคม จะประกาศถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในการสร้างช่องทางการชำระเงินที่ปลอดภัย และจะรับสมาชิกใหม่ ซึ่งจะทำให้เข้าใกล้กลุ่มที่มีมวลวิกฤตที่จำเป็นในการก่อตั้งสหภาพสกุลเงินมากขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน จากการที่ยูโรใช้เวลาเกือบ 10 ปีในการเปิดตัวจากสนธิสัญญาเมืองมาสทริชต์ในปี 1992 จนถึงการสร้างยูโรจริงในปี 2000
Alberto Giovannini เป็นหนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการชั้นนำที่ช่วยสร้างยูโร ที่ระบุว่า พบอุปสรรคทางเทคนิคในการสร้างสกุลเงินใหม่ โดยเฉพาะการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้แปลงมาร์กเยอรมัน ลีรา ฟรังก์ และสกุลเงินสมาชิกอื่นๆ เป็นยูโร
ส่วนการพัฒนาตลาดพันธบัตรที่ใช้สกุลเงินของกลุ่ม BRICS ต้องใช้เวลาหลายปี แต่กระบวนการดังกล่าวสามารถเร่งให้เร็วขึ้นได้หากสมาชิกกลุ่ม BRICS เสนอขายพันธบัตรโดยตรงต่อพลเมืองของตนเองในฐานะนักลงทุนรายย่อย ซึ่งทางลัดในการทำให้กลุ่ม BRICS เป็นสกุลเงินสำรองที่ยั่งยืนได้ นั่นคือ ทองคำ สมาชิกของสหภาพสกุลเงินของกลุ่ม BRICS สามารถใช้สกุลเงินของกลุ่ม BRICS ส่วนเกินในการซื้อทองคำแท่งเพื่อเก็บไว้ในเงินสำรองของตน
รัสเซีย จีน และแอฟริกาใต้เป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ และจีนมีเครือข่ายโรงกลั่นที่กว้างขวาง ดังนั้นจึงควรมีทองคำเพียงพอสำหรับการซื้อ เมื่อจำเป็นสำหรับการซื้อหรือการชำระเงิน ทองคำสามารถขายได้อย่างง่ายดายโดยใช้สกุลเงินของกลุ่ม BRICS ซึ่งจุดร่วมในวิธีการเหล่านี้และวิธีอื่นๆ คือ หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แม้จะยังคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีในการเพิ่มสมาชิก สร้างโครงสร้างพื้นฐาน และแก้ไขปัญหาการประเมินมูลค่าบางส่วน แต่อย่างไรก็ตาม สกุลเงินก็นี้กำลังมา โดยสามารถใช้ในการค้าโลกได้ในปริมาณมาก ทำให้เงินดอลลาร์ต้องแข่งขันกัน หน่วย BRICS ไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
IMCT News
ที่มา https://dailyreckoning.com/biggest-monetary-shock-in-50-years/