ขอบคุณภาพจาก The Jakarta Post
28/10/2024
เหตุเรือลาดตระเวนทางทะเลของอินโดนีเซียขับไล่เรือของหน่วยยามฝั่งจีน 2 ลำในเวลาไม่กี่วันหลังจากเรือลำดังกล่าวพยายามขัดขวางกิจกรรมสำรวจพลังงานในน่านน้ำภายในประเทศที่ติดกับทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาท เป็นเหตุการณ์ล่าสุดในเหตุปะทะที่เสี่ยงต่อการกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการทูต
แม้ว่าเรือประมงและเรือลาดตระเวนของจีนจะรุกล้ำเข้าไปในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของอินโดนีเซียบ่อยครั้ง แต่เหตุการณ์ในสัปดาห์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่นาน หลังจากที่ปราโบโว ซูเบียนโตเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 8 ของอินโดนีเซีย โดยเพียงหนึ่งวันหลังจากถูกเรือลาดตระเวนของหน่วยงานความมั่นคงทางทะเล หรือ บากัมลา (Bakamla) บังคับให้ออกไป เรือหมายเลข 5402 ของหน่วยยามฝั่งจีน (CCG) ก็กลับเข้าสู่น่านน้ำอินโดนีเซียอีกครั้งในทะเลนาตูนาเหนือ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 ต.ค.)
ตามแถลงการณ์ของ Bakamla ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการทางทะเลของหน่วยงาน ได้สั่งให้เรือตรวจการณ์ KN Pulau Dana-323 สกัดกั้นเรือของจีน เมื่อได้รับรายงานว่าเรือลำดังกล่าวกลับเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
หลังจากที่ไม่สามารถติดต่อกับ CCG 5402 ได้ เรือของอินโดนีเซียได้บังคับให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ไหล่ทวีป เพื่อป้องกันไม่ให้กิจกรรมสำรวจแผ่นดินไหวที่ดำเนินการในนามของบริษัทพลังงานของรัฐ PT Pertamina หยุดชะงัก
Bakamla ย้ำว่าจะยังคงลาดตระเวนและเฝ้าติดตามทะเลนาตูนาเหนือต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่ากิจกรรมทางทะเลของอินโดนีเซียจะดำเนินต่อได้โดยไม่หยุดชะงัก พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องสิทธิอธิปไตยของประเทศในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีน้ำมันและก๊าซสำรองจำนวนมาก
เหตุการณ์ล่าสุดในครั้งนี้ เป็นครั้งที่สองในสัปดาห์เดียว ที่เรือของจีนเข้ามาในภูมิภาคและแทรกแซงการปฏิบัติการของอินโดนีเซีย หลังเหตุการณ์บุกรุกที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นในวันจันทร์ (21 ต.ค.) เมื่อเรือบากัมลาขับเรือลำเดียวกันออกจากพื้นที่ หลังปักกิ่งอ้างว่า น่านน้ำดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเขตอำนาจศาลของจีน โดยอ้างถึงการอ้างสิทธิ์ "เส้นประเก้าเส้น (Nine-dash Line)" ที่ครอบคลุม ขณะที่อินโดนีเซียปฏิเสธข้อเรียกร้องของจีนมาโดยตลอด ซึ่งได้รับการตัดสินว่าไม่มีมูลความจริงโดยศาลระหว่างประเทศในกรุงเฮกในปี 2016
เหตุการณ์ล่าสุดยังเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการประชุมระดับสูงในกรุงจาการ์ตา ระหว่างนายจาฟรี จามโซเอ็ดดิน รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของอินโดนีเซีย และนายหวาง ลูตง เอกอัครราชทูตจีนประจำอินโดนีเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 ต.ค.) ด้วย
แม้แถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงกลาโหมจะเน้นที่การส่งเสริมความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ รวมถึงการซ้อมรบร่วมกัน แต่ไม่มีการกล่าวถึงความตึงเครียดทางทะเลในทะเลนาตูนาเหนือระหว่างการเจรจา
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน หลิน เจี้ยน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่ปักกิ่งว่า เรือยามชายฝั่งของจีนกำลังทำการ “ลาดตระเวนตามปกติในน่านน้ำที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของจีนตามกฎหมายระหว่างประเทศและในประเทศ” พร้อมเสริมว่าปักกิ่ง “เต็มใจที่จะเสริมสร้างการสื่อสารและการปรึกษาหารือกับอินโดนีเซีย” ผ่านช่องทางการทูต
สำหรับการบุกรุกล่าสุดเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ประธานาธิบดีปราโบโวเข้ารับตำแหน่ง ทำให้เกิดความกังวลว่าความตึงเครียดในทะเลนาตูนาเหนืออาจทดสอบความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องน่านน้ำอินโดนีเซีย
ซัมซามี เอ. คาริม ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองจากจังหวัดรีเยา แนะนำว่าอินโดนีเซียต้องมีจุดยืนที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้นต่อจีนภายใต้การนำของปราโบโว
“เราหวังว่าประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโตจะมีความมุ่งมั่นที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้นเกี่ยวกับปัญหาทะเลนาตูนาเหนือ” ตามมุมมองของซัมซามี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มการส่งกองกำลังป้องกันชายฝั่งและเรือรบไปยังทะเลจีนใต้ ซึ่งการอ้างสิทธิ์ในดินแดนทับซ้อนกับเขตเศรษฐกิจจำเพาะของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แม้ว่าอินโดนีเซียจะไม่ได้เป็นผู้อ้างสิทธิ์ในข้อพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้ แต่จีนก็มักจะถูกจีนรุกรานเข้าไปในน่านน้ำนาตูนาเหนือ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก
เมื่อปี 2017 จาการ์ตาได้เปลี่ยนชื่อน่านน้ำในเขตเศรษฐกิจจำเพาะทางตอนเหนือของหมู่เกาะนาตูนาเป็น "ทะเลนาตูนาเหนือ" ซึ่งทำให้จีนไม่พอใจ ขณะที่หนึ่งในผู้วางแผนการดำเนินการครั้งนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย เมื่อไม่นานนี้
การแย่งชิงดินแดน คุกคามความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันใกล้ชิดระหว่างอินโดนีเซียกับจีน ซึ่งโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีคนก่อน ได้ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อบรรลุข้อตกลงดังกล่าว โดยก่อนที่ปราโบโวจะเข้ารับตำแหน่ง โจโกวีได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ซึ่งสีได้แสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลอินโดนีเซียชุดใหม่จะยังคงดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับจีนต่อไป ตามคำกล่าวของกระทรวงต่างประเทศของจีน
สำหรับหัวข้อดังกล่าว ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง เมื่อนายหาน เจิ้ง รองประธานาธิบดีจีน พบกับนายกิบราน รากาบูมิง รากา รองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นบุตรชายของโจโกวี หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันอาทิตย์ (20 ต.ค.) ซึ่งแม้ว่าก่อนหน้านี้ ปราโบโวจะเคยแสดงท่าทีว่าจะรักษาความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับจีนเอาไว้ แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอาจก่อความเสี่ยงได้ หากไม่ได้รับการแก้ไข
ด้านดาฟรี อากุสซาลิม ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัย Gadjah Mada (UGM) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ล่าสุดนี้น่าจะเกิดขึ้นโดยปักกิ่งเพื่อ “ทดสอบน่านน้ำ” ของรัฐบาลชุดปัจจุบันของอินโดนีเซีย
“เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นกับเรือขนส่งสินค้าของบริษัท PT Pertamina เช่นกัน ผมคิดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนเพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลของปราโบโวจะตอบสนองต่อกิจกรรมบางอย่างของจีนอย่างไร” ดาฟรีกล่าว พร้อมเสริมว่าการตอบสนองของบากัมลาในการสกัดกั้นเรือของจีนนั้นสามารถตีความได้อย่างยุติธรรมว่า เป็นสัญญาณที่ปราโบโวส่งมาว่า รัฐบาลของเขาจะไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้าในทะเลเพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ทางทะเล
“อินโดนีเซียจะไม่ยอมทนต่อการคุกคามหรือการข่มขู่ใดๆ จากผู้กระทำการต่างชาติ รวมถึงจีนด้วย” ดาฟรีกล่าว
IMCT News
ที่มา https://asianews.network/china-indonesia-ties-tested-following-north-natuna-stand-off/