ผู้นำ G7 เตรียมถกปัญหาการโจมตีคริปโตของเกาหลีเหนือ

ผู้นำกลุ่ม G-7 เตรียมถกปัญหาการโจมตีคริปโตของเกาหลีเหนือในการประชุมสุดยอดที่แคนาดา
8-5-2025
กลุ่มประเทศ G-7 อาจหยิบยกประเด็นกิจกรรมไซเบอร์อันเป็นอันตรายและการแฮ็กระบบคริปโตของเกาหลีเหนือเข้าสู่การหารือในการประชุมสุดยอดที่แคนาดาในเดือนหน้า ตามแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับแผนการดังกล่าว สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกเกี่ยวกับการโจรกรรมออนไลน์ที่ทวีความรุนแรงของเปียงยาง
แหล่งข่าวซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากเป็นการหารือภายใน ระบุว่าปฏิบัติการไซเบอร์อันเป็นภัยของเกาหลีเหนือสร้างความตื่นตระหนกอย่างยิ่ง เพราะรายได้จากการโจรกรรมได้กลายเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญสำหรับระบอบการปกครองและโครงการต่างๆ ของประเทศ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเตือนว่าวาระการประชุมสุดยอดที่จะจัดขึ้นที่รัฐอัลเบอร์ตาในช่วงกลางเดือนมิถุนายนยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด การหารือในการประชุมครั้งนี้มีแนวโน้มจะเน้นไปที่สงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง รวมถึงความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศสมาชิก G-7 ส่วนใหญ่
ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับกิจกรรมอันเป็นภัยของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นในช่วงที่เปียงยางกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย โดยจัดหาอาวุธและกำลังพลให้กับมอสโกในการทำสงครามกับยูเครน หลังจากปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งสองประเทศเพิ่งยอมรับเมื่อไม่นานมานี้ว่ากองกำลังเกาหลีเหนือกำลังร่วมรบกับรัสเซียในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์
นับตั้งแต่สร้างความฮือฮาด้วยการแฮ็กบริษัท Sony Pictures Entertainment ในปี 2557 เกาหลีเหนือได้สร้างกองทัพแฮกเกอร์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเชี่ยวชาญในการใช้รหัสคอมพิวเตอร์อันตรายเพื่อแทรกซึมเข้าระบบและเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ ส่วนใหญ่ในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล กลุ่มเหล่านี้ยังขโมยสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยตรงจากบริษัทคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งถือเป็นการโจรกรรมทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หน่วยงานความมั่นคงระบุว่ารายได้ผิดกฎหมายเหล่านี้ช่วยให้ประเทศที่โดดเดี่ยวจากโลกภายนอกแห่งนี้สามารถหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรระหว่างประเทศและระดมทุนสำหรับปฏิบัติการต่างๆ รวมถึงโครงการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง
เมื่อต้นปีนี้ มีการขโมยคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์จากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล Bybit ในการโจรกรรมครั้งเดียวที่เชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่แฮกเกอร์เครือข่ายเกาหลีเหนือขโมยเงิน 1.34 พันล้านดอลลาร์จากบริษัทและโครงการสินทรัพย์ดิจิทัลใน 47 เหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจาก 661 ล้านดอลลาร์ใน 20 เหตุการณ์ในปี 2566 ตามข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Chainalysis
ความกังวลเร่งด่วนประการหนึ่งคือการใช้บุคลากรด้านไอทีในต่างประเทศอย่างกว้างขวางของเกาหลีเหนือ ซึ่งสมัครงานโดยใช้ตัวตนปลอม และส่งรายได้กลับประเทศ เมื่อไม่นานมานี้ ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโต Kraken เปิดเผยว่ามีแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือรายหนึ่งสมัครงานในตำแหน่งวิศวกรที่บริษัท โดย Kraken กล่าวว่าทีมรักษาความปลอดภัยของบริษัท "ได้เปิดโปงปฏิบัติการแฮ็กที่บุคคลหนึ่งสร้างตัวตนปลอมหลายชุดเพื่อสมัครงานในวงการคริปโตและอุตสาหกรรมอื่นๆ"
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยในเดือนมกราคมว่า เกาหลีเหนือ "ส่งบุคลากรไอทีที่มีทักษะหลายพันคนไปอาศัยอยู่ต่างประเทศ ส่วนใหญ่ในจีนและรัสเซีย เพื่อหลอกลวงธุรกิจในสหรัฐฯ และทั่วโลกให้จ้างพวกเขาเป็นพนักงานไอทีอิสระ เพื่อสร้างรายได้ให้กับระบอบการปกครอง" ทั้งนี้ "แผนการของบุคลากรไอทีเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการใช้อีเมล โซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มการชำระเงิน และบัญชีเว็บไซต์หางานออนไลน์แบบไม่เปิดเผยตัวตน รวมถึงเว็บไซต์ปลอม คอมพิวเตอร์พร็อกซี และบุคคลที่สามทั้งที่รู้เท่าทันและไม่รู้เท่าทันซึ่งอยู่ในสหรัฐอเมริกาและที่อื่นๆ"
ตามรายงานเดียวกัน "บุคลากรไอทีเหล่านี้แต่ละคนมีรายได้สูงถึง 300,000 ดอลลาร์ต่อปี สร้างรายได้รวมกันหลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปีในนามขององค์กรที่กำหนด เช่น กระทรวงกลาโหมเกาหลีเหนือและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโครงการอาวุธทำลายล้างสูงของเกาหลีเหนือ"
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-05-07/g-7-leaders-may-discuss-north-korea-s-crypto-hacks-at-summit?srnd=phx-economics-v2