สหรัฐฯ ทดสอบระบบสกัดกั้นขีปนาวุธที่กวมสำเร็จ

สหรัฐฯ ทดสอบระบบสกัดกั้นขีปนาวุธที่กวมสำเร็จ ส่งสัญญาณเตือนจีนก่อนศึกไต้หวัน
16-12-2024
สำนักงานป้องกันขีปนาวุธสหรัฐฯ (MDA) ประสบความสำเร็จในการทดสอบระบบสกัดกั้นขีปนาวุธจากเกาะกวมเป็นครั้งแรก ส่งสัญญาณเตือนถึงจีนท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ไต้หวัน
การทดสอบภารกิจ Flight Experiment Mission-02 (FEM-02) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 ประสบความสำเร็จในการใช้ขีปนาวุธ Standard Missile-3 Block IIA สกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยกลางจำลองที่ระยะ 200 ไมล์ทะเลทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบ Aegis Guam เพื่อการป้องกันแบบรอบทิศทาง 360 องศาให้กับฐานทัพยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ระบบ Aegis Guam มีจุดเด่นที่ระบบยิงแนวตั้ง Mk 41 (VLS) แบบเอียงได้ ซึ่งแตกต่างจากระบบ Aegis Ashore ทั่วไป ทำให้มีความยืดหยุ่นในการยิงขีปนาวุธมากกว่า การทดสอบครั้งนี้ยังใช้เรดาร์ AN/TPY-6 แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถในการป้องกันทางอากาศและขีปนาวุธแบบบูรณาการที่กำลังพัฒนาสำหรับกวม
ความพยายามนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเสริมสร้างการป้องกันกวมให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อรับมือภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากจีน ซึ่งได้ขยายคลังแสงขีปนาวุธอย่างรวดเร็ว โดย MDA มุ่งสร้างเครือข่ายป้องกันหลายชั้นที่แข็งแกร่ง ผสานการทำงานของกองทัพสหรัฐฯ และพันธมิตรในภูมิภาค เพื่อปกป้องฐานทัพสำคัญนี้ในยามเกิดความขัดแย้ง
ระบบป้องกันทางอากาศและขีปนาวุธแบบบูรณาการขั้นสูง (EIAMD) ของกวม ได้รวมระบบป้องกันหลายระบบเข้าด้วยกัน ทั้ง Aegis Ashore, Terminal High Altitude Area Defense (THAAD), Typhon และ Patriot พร้อมติดตั้งระบบบัญชาการรบแบบบูรณาการ (IBCS) เพื่อเชื่อมโยงระบบเรดาร์และขีปนาวุธให้ทำงานประสานกัน แก้ไขจุดอ่อนในระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายสำคัญหลายประการ ทั้งข้อจำกัดด้านพื้นที่และภูมิประเทศภูเขาของกวมที่ทำให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซับซ้อน รวมถึงการผสานระบบหลายระบบที่อาจเสี่ยงต่อการตอบสนองไม่พร้อมเพรียงกันหากถูกโจมตีพร้อมกันด้วยขีปนาวุธหลายประเภท ทั้งขีปนาวุธวิถีโค้ง ขีปนาวุธร่อน และขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง
นอกจากนี้ การพึ่งพาการเชื่อมโยงระหว่างเซนเซอร์กับระบบยิงแบบตายตัวอาจจำกัดการปรับตัวรับภัยคุกคามรุ่นใหม่ ขณะที่การโจมตีหลายรูปแบบของจีน ทั้งทางไซเบอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และการโจมตีทางกายภาพ ก็คุกคามประสิทธิภาพของระบบป้องกันสหรัฐฯ อีกทั้งจำนวนขีปนาวุธสกัดกั้นที่จำกัดของแต่ละระบบอาจหมดลงอย่างรวดเร็วหากเกิดการโจมตีขนาดใหญ่พร้อมกันหลายทิศทาง
ปัญหาสำคัญอีกประการคือการผลิตขีปนาวุธที่ไม่เพียงพอ ประสบปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานและระบบการผลิตที่ล้าสมัย ส่งผลให้คลังอาวุธสำคัญขาดแคลน ทั้งขีปนาวุธต่อต้านเรือพิสัยไกล (LRASM) ตอร์ปิโด MK 48 และขีปนาวุธมาตรฐาน แม้จะเพิ่มงบประมาณด้านอาวุธอย่างมากแล้วก็ตาม
อีกทั้งการส่งกำลังบำรุง ทั้งขีปนาวุธ เชื้อเพลิง และชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับระบบสกัดกั้น เรดาร์ และอุปกรณ์สื่อสาร ยังมีความซับซ้อนสูง หากเกิดความขัดแย้งยืดเยื้อ กวมอาจประสบปัญหาการส่งกำลังบำรุงล่าช้าเพราะเส้นทางขนส่งทางทะเลถูกตัดขาด
ขณะเดียวกัน จีนก็กำลังขยายอิทธิพลในแปซิฟิกใต้อย่างต่อเนื่อง แกรนท์ นิวแชม นักวิเคราะห์จาก Asia Times ระบุว่า ในขณะที่สหรัฐฯ มุ่งสร้างสนามบินใหม่และกระจายกำลังภายใต้ยุทธศาสตร์การรบแบบคล่องตัว (ACE) จีนกลับใช้สงครามการเมืองบ่อนทำลายการปรากฏตัวของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ประโยชน์ได้สองทาง เช่น คาสิโนและท่าเรือในดินแดนของสหรัฐฯ อย่างเครือจักรภพหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา รวมถึงให้เงินทุนปรับปรุงสนามบินในคิริบาส ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างกวม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ ในอนาคต
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2024/12/historic-us-missile-hit-sends-a-warning-to-china-from-guam/