เยอรมนีตอบโต้ “เผด็จการแฝง” หลังสหรัฐฯ วิจารณ์

เยอรมนีตอบโต้ “เผด็จการแฝง” หลังสหรัฐฯ วิจารณ์การจัดพรรค AfD เป็นกลุ่มขวาจัดสุดโต่ง
4-5-2025
กระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีออกมาปกป้องการตัดสินใจจัดประเภทพรรค Alternative für Deutschland (AfD) ว่าเป็น พรรคขวาจัดสุดโต่ง หลังจากถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ
เจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหาว่าข้าราชการเยอรมันกำลัง "สร้างกำแพงเบอร์ลินขึ้นใหม่" ขณะที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการตัดสินใจนี้ว่าเป็น “เผด็จการในคราบประชาธิปไตย” ในความเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดา กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีได้ตอบโต้รูบิโอโดยตรงผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมชื่อ Twitter) ว่า “เราได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์แล้วว่า ลัทธิขวาจัดสุดโต่งต้องได้รับการหยุดยั้ง”
หน่วยข่าวกรองเยอรมนีซึ่งเป็นผู้จัดประเภท AfD ระบุว่า แนวคิดหลักของพรรคที่แบ่งแยกผู้คนตามเชื้อชาติและสายเลือด ขัดต่อระบอบประชาธิปไตยเสรีของเยอรมนี
พรรค AfD สร้างความประหลาดใจในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยคว้าอันดับสอง และได้รับ 152 ที่นั่งในสภาผู้แทนฯ จากทั้งหมด 630 ที่นั่ง หรือคิดเป็น 20.8% ของคะแนนเสียง
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานข่าวกรองภายในของเยอรมนี Bundesamt für Verfassungsschutz (BfV) ได้จัดให้พรรคนี้เป็นกลุ่มขวาจัดสุดโต่งเฉพาะใน 3 รัฐทางตะวันออก ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรค แต่ล่าสุดได้ขยายการจัดประเภทนี้ครอบคลุมทั้งพรรคทั่วประเทศ
BfV ระบุในแถลงการณ์ว่า พรรค AfD มีเป้าหมายที่จะกีดกันกลุ่มคนบางกลุ่มไม่ให้มีสิทธิเท่าเทียมในสังคม โดยเฉพาะผู้ที่มาจาก “ประเทศมุสลิมเป็นหลัก” ซึ่งไม่ได้ถูกนับรวมเป็น “สมาชิกที่เท่าเทียมของประชาชนชาวเยอรมัน”
อลิซ เวย์เดล และ ติโน ครูพัลลา สองหัวหน้าพรรคร่วมของ AfD ประณามการตัดสินใจนี้ว่า “มีแรงจูงใจทางการเมืองอย่างชัดเจน” และถือเป็น “การทำลายประชาธิปไตยของเยอรมนีอย่างรุนแรง”
บีทริกซ์ ฟอน สตอร์ช รองหัวหน้าพรรคในสภาผู้แทนฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการ Newshour ของ BBC ว่า การจัดประเภทนี้คือ “พฤติกรรมของรัฐเผด็จการที่ปฏิบัติต่อพรรคการเมืองของตนเอง”
การจัด AfD เป็นกลุ่มขวาจัดสุดโต่งเปิดทางให้รัฐสามารถใช้มาตรการเข้มข้น เช่น ดักฟังโทรศัพท์และส่งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าตรวจสอบกิจกรรมของพรรค ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
รูบิโอโพสต์ข้อความว่า “นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่มันคือเผด็จการที่มาในรูปแบบใหม่”
กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีโต้กลับโดยตรงอีกครั้งผ่าน X ว่า “นี่แหละคือประชาธิปไตย” “การตัดสินใจนี้มาจากกระบวนการตรวจสอบอย่างรอบด้านและอิสระ และยังสามารถอุทธรณ์ได้” “เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์แล้วว่า ลัทธิขวาจัดสุดโต่งต้องได้รับการหยุดยั้ง”
ข้อความนี้ชัดเจนว่าเป็นการอ้างถึงอดีตของเยอรมนีภายใต้พรรคนาซีและเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Holocaust)
ด้านเจ.ดี. แวนซ์ ซึ่งเคยพบกับเวย์เดลในเมืองมิวนิกก่อนการเลือกตั้ง 9 วัน และเคยใช้เวทีการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิกแสดงจุดยืนสนับสนุน AfD ก็ออกมาวิจารณ์ว่า “เจ้าหน้าที่รัฐกำลังทำลายพรรคนี้อย่างจงใจ” “โลกตะวันตกเคยร่วมกันโค่นล้มกำแพงเบอร์ลิน แต่วันนี้มันถูกสร้างขึ้นใหม่—ไม่ใช่โดยโซเวียตหรือรัสเซีย แต่โดยกลุ่มชนชั้นนำในเยอรมนีเอง”
กำแพงเบอร์ลินถูกสร้างขึ้นในปี 1961 และแบ่งกรุงเบอร์ลินออกเป็นตะวันออกและตะวันตกนานเกือบ 30 ปีในช่วงสงครามเย็น การจัด AfD เป็นกลุ่มขวาจัดสุดโต่งครั้งนี้ ได้จุดกระแสเรียกร้องให้ “แบนพรรค AfD” อีกครั้ง ก่อนการโหวตในรัฐสภาเยอรมนีสัปดาห์หน้าเพื่อยืนยันให้ ฟรีดริช เมิร์ตซ์ จากพรรคอนุรักษ์นิยม เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยจะนำรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD)
ลาร์ส คลิงไบล หัวหน้าพรรค SPD และว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง ระบุว่า “รัฐบาลจะยังไม่ตัดสินใจโดยเร่งรีบ แต่เราจะพิจารณาเรื่องการแบนพรรคนี้อย่างจริงจัง” “พรรคนี้ต้องการประเทศที่แตกต่างออกไป ต้องการทำลายประชาธิปไตยของเรา และเราต้องรับมือกับมันอย่างจริงจัง”
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia