.

จีนเปิดตลาดเงินทุนข้ามประเทศ เงินทุนไหลเข้า-ออกแตะ $4.5 ล้านล้าน เกินมูลค่าการค้าสินค้า ผลักดันหยวนสู่เวทีโลก
12-9-2025
Bloomberg รายงานว่า จีนกำลังเปลี่ยนโฉมตลาดการเงินของตนอย่างสำคัญ เม็ดเงินเคลื่อนเข้าออกประเทศเพื่อลงทุนในหุ้น พันธบัตร และสินทรัพย์ต่าง ๆ มีมูลค่ารวมกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ แซงหน้ามูลค่าการค้าสินค้าและบริการเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สะท้อนปรากฏการณ์ “จุดเปลี่ยน” สู่การเปิดตลาดเงินทุนและขยายบทบาทหยวนในเวทีโลก
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ปริมาณเงินลงทุนที่ไหลเข้าและออกจากประเทศจีนเพื่อแสวงหาโอกาสในการลงทุนได้แซงหน้ามูลค่าของสินค้าและบริการที่ถูกสร้างขึ้นจากกลไกการค้าของจีนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
การเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ถือเป็น “จุดเปลี่ยน (Tipping Point)” ที่อาจส่งผลกระทบในระดับโลกไม่แพ้การปฏิวัติภาคการผลิตของจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยการพุ่งขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนของกระแสเงินทุนไหลเข้าและออกจากจีนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าสูงถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (US$4.5 trillion) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นจีนทำผลงานได้ดีที่สุดในโลก การซื้อขายตราสารหนี้ระยะสั้นของธนาคารจีน และการที่ชาวต่างชาติเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลจีนอย่างคึกคัก
จีนก้าวสู่เศรษฐกิจการเงินระดับโลก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้จีนเข้าใกล้ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ซึ่งมีการไหลเวียนของเงินลงทุนมากกว่าการค้าอย่างน้อย 10 เท่า และตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าจีนยังมีพื้นที่อีกมากสำหรับการเปิดพรมแดนเงินทุนในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่โลกที่บริษัทจีนมีบทบาทมากขึ้นในศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำ หุ้นจากเซี่ยงไฮ้ถูกบรรจุในกองทุนบำนาญต่างประเทศมากขึ้น และเงินหยวน (Yuan) กลายเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลก
นายเล่อ เซีย (Le Xia) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียของธนาคาร Banco Bilbao Vizcaya Argentaria SA ในฮ่องกง (Hong Kong) กล่าวว่า “กระแสเงินทุนในบัญชีทุนในที่สุดจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนกระแสการเงินโดยรวมในจีน เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ ของโลก” และเสริมว่า “ทางการจะยังคงเปิดบัญชีทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
การเปิดประเทศอย่างเสรีมากขึ้นจะสร้างแหล่งเงินทุนที่ลึกขึ้นสำหรับเงินหยวน (Yuan) นอกประเทศ ซึ่งช่วยหนุนเป้าหมายระยะยาวของรัฐบาลปักกิ่งในการส่งเสริมการใช้เงินหยวน (Yuan) ทั่วโลก นอกจากนี้ พรมแดนทางการเงินที่เปิดกว้างจะทำให้ผู้ฝากเงินชาวจีน ซึ่งมีเงินฝากในบัญชีรวมกันถึง 23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น ในช่วงเวลาที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงกำลังเข้าใกล้จุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ราคาบ้านกำลังลดลง และทางการกำลังกังวลว่าการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นในประเทศอาจกลายเป็นฟองสบู่
นายติง ชวง (Ding Shuang) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคจีนแผ่นดินใหญ่และเอเชียเหนือของธนาคาร Standard Chartered กล่าวว่า “จีนจะยังคงเปิดตลาดต่อไป ซึ่งจะเพิ่มกระแสเงินทุนในบัญชีทุน, ส่งเสริมสถานะสากลของเงินหยวน (Yuan) และสร้างโอกาสที่หลากหลายมากขึ้นสำหรับนักลงทุน” อย่างไรก็ตาม เขากล่าวเสริมว่า “ทางการจะดำเนินด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดการไหลเวียนของเงินทุนอย่างไม่เป็นระเบียบ”
กระแสเงินทุนประวัติศาสตร์และมาตรการรับมือ
การคำนวณของ Bloomberg จากข้อมูลอย่างเป็นทางการจนถึงเดือนกรกฎาคมแสดงให้เห็นว่า การโอนเงินในบัญชีการเงินของจีน ซึ่งครอบคลุมการเคลื่อนไหวของเงินทุนเพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์และการลงทุนโดยตรง มีค่าเฉลี่ยรายเดือนสูงกว่าปีที่แล้วถึง 17% หากรักษาระดับนี้ไว้ได้ กระแสเงินทุนนี้จะแซงหน้าการโอนเงินที่บันทึกไว้ในบัญชีเดินสะพัด หรือการโอนเงินที่ใช้ในการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศ เป็นครั้งแรกในรอบปี
การพุ่งขึ้นนี้ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของกระแสเงินทุนข้ามพรมแดนเพื่อซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ เช่น หุ้นและพันธบัตร ซึ่งมีค่าเฉลี่ยรายเดือนจนถึงเดือนกรกฎาคมสูงกว่าปี 2567 เกือบ 25% และเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับห้าปีที่แล้ว
ในอดีต จีนเคยใช้มาตรการควบคุมเงินทุนอย่างเข้มงวด เมื่อการลดค่าเงินหยวน (Yuan) อย่างฉับพลันเมื่อสิบปีก่อนส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุนที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และทำให้ธนาคารกลางต้องใช้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศกว่าครึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน นับตั้งแต่นั้นมา การรักษาระดับค่าเงินให้มีเสถียรภาพจึงกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลปักกิ่ง
ด้วยเหตุนี้ จีนจึงดำเนินการเปิดตลาดในประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีการจัดการอย่างรอบคอบ แม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายมานานแล้ว โดยตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ทางการได้ยกเลิกอุปสรรคส่วนใหญ่ที่ขัดขวางไม่ให้นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหนี้ในประเทศ และสร้างช่องทางให้ชาวจีนสามารถซื้อหุ้น พันธบัตร และผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งในฮ่องกง (Hong Kong) ได้
ในระยะหลัง โมเมนตัมของการเปิดประเทศดูเหมือนจะเร่งขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากรัฐบาลปักกิ่งต้องการใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังหลีกเลี่ยงเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางนโยบายสงครามภาษีที่วุ่นวายของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) และสถานการณ์งบประมาณของสหรัฐฯ ที่ย่ำแย่ลง ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผู้กำหนดนโยบายได้ผ่อนคลายการควบคุมเงินทุน, เปิดตัวระบบการชำระเงินร่วมกับฮ่องกง (Hong Kong) และเปิดเผยแผนการให้นักลงทุนในประเทศสามารถนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายจอร์จ แม็กนัส (George Magnus) นักวิจัยจากศูนย์ศึกษาประเทศจีนของมหาวิทยาลัย Oxford และอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ UBS กล่าวว่า “ตลาดทุนของจีนจะได้รับการส่งเสริมและพัฒนาได้ก็ต่อเมื่อมีความเปิดกว้างและความโปร่งใสเท่านั้น” ซึ่งรวมถึง “การยกเลิกการควบคุมเงินทุน, สภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่เอื้อเฟื้อต่อบริษัทต่างชาติในจีนมากขึ้น และการปฏิรูปการบริหารจัดการค่าเงินอย่างมีนัยสำคัญ”
นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs Group Inc. คือหนึ่งในผู้ที่เห็นว่าเงินหยวน (Yuan) มีโอกาสมากขึ้นที่จะมีบทบาทในเวทีโลกในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังเพิ่มขึ้น โดย นางหุ้ย ชาน (Hui Shan) และ นางเชลซี ซง (Chelsea Song) นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมนแซคส์ (Goldman Sachs) เขียนในบันทึกฉบับล่าสุดว่า “อำนาจการผลิตที่เพิ่มขึ้นของจีนและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังดำเนินอยู่ ได้สร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับการทำให้เงินหยวน (Yuan) เป็นสากล” แต่ก็ทิ้งท้ายถึงความท้าทายเดิมๆ ที่ยังคงอยู่ นั่นคือ “ความสมดุลระหว่างความปรารถนาของผู้กำหนดนโยบายจีนในการควบคุมมากขึ้น กับความต้องการของบริษัทต่างชาติและนักลงทุนในความเปิดกว้าง, ความโปร่งใส, และความสามารถในการคาดการณ์ได้ที่มากขึ้น”
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-09-10/china-s-4-5-trillion-flows-mark-tipping-point-in-market-opening?srnd=homepage-americas