EU ดันกติกาBuy Europeanใช้ผลตอบแทนทรัพย์สินรัสเซีย
EU ดันกติกา “Buy European” ใช้ผลตอบแทนทรัพย์สินรัสเซียอายัด หนุนอุตสาหกรรมอาวุธตัวเอง–ช่วยยูเครน
19-12-2025
สหภาพยุโรปเล็งใช้รายได้จากทรัพย์สินรัสเซียอายัด ปล่อยกู้ซื้ออาวุธให้ยูเครนภายใต้เงื่อนไขต้องสั่งจากยุโรป สหภาพยุโรป (EU) กำลังผลักดันแนวนโยบาย “Buy European” เพื่อให้รายได้จากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดภายในกลุ่มถูกนำมาใช้หนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของยุโรปเอง ขณะเดียวกันก็ใช้เป็นแหล่งเงินเพื่อจัดหาอาวุธแก่ยูเครน (Ukraine) โดยมีการเดินหน้าวางกติกาจัดซื้อจัดจ้างที่เข้มงวดแนบไปกับกรอบเงินกู้ช่วยเหลือเคียฟ ตามรายงานของ Bloomberg
ตลอดช่วงที่ผ่านมา ชาติสมาชิก EU ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องเรื่องการใช้เงินหรือผลตอบแทนจากทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดในตะวันตก มาเป็นฐานของ “เงินกู้เพื่อการชดใช้ความเสียหาย” ให้กับยูเครน ผู้นำกลุ่มหวังจะสามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้ในการประชุมสุดยอดสัปดาห์นี้ ขณะที่มอสโกประณามทุกข้อเสนอที่มุ่งใช้ทรัพย์สินที่ถูกอายัดว่าเป็นการ “ขโมย”
ตามร่างข้อเสนอที่ถูกเผยแพร่ รายได้จากทรัพย์สินรัสเซียที่ถูก “แช่แข็ง” อาจถูกจัดสรรสูงสุดถึง 210,000 ล้านยูโร (ราว 246,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ที่ตั้งอยู่ในประเทศสมาชิก EU และในยูเครนเอง โดยมีข้อยกเว้นจำกัดให้กับบางประเทศนอกกลุ่ม เช่น นอร์เวย์ (Norway) รายงานระบุว่า บรัสเซลส์ต้องการให้ทุกแรงหนุนด้านศักยภาพทางทหารของยูเครนเปลี่ยนกลับมาเป็นแรงส่งโดยตรงต่ออุตสาหกรรมป้องกันประเทศของยุโรป
ในร่างข้อเสนอเดียวกัน มีการวางเงื่อนไขจำกัดการมีส่วนร่วมของประเทศนอกกลุ่ม EU อย่างเข้มงวด ทั้งด้านสัดส่วนและกรอบกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ยูเครนมีพื้นที่จำกัดมากในการใช้เงินกู้เพื่อซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา (US) หรือผู้ผลิตนอกยุโรปรายอื่น Bloomberg ระบุว่าเงื่อนไขนี้ถูกออกแบบให้เงินส่วนใหญ่หมุนอยู่ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมของยุโรปเอง
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้เปิดตัวกลไกใหม่สำหรับการส่งมอบอาวุธให้ยูเครน โดยวอชิงตันขายอาวุธที่เคียฟต้องการให้แก่ประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ก่อนที่ประเทศเหล่านั้นจะโอนอาวุธดังกล่าวต่อให้ยูเครนอีกทอดหนึ่ง
ในเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์ย้ำท่าทีว่า สหรัฐฯ “ไม่ได้ใช้เงินไปกับยูเครนโดยตรงอีกต่อไป” แต่กลับเป็นฝ่าย “รับเงินเข้าประเทศผ่านการขายอาวุธให้ชาติสมาชิก NATO” ที่ต้องการเติมสต็อกและส่งต่อของให้ยูเครน
รายงานยังระบุว่า ข้อเสนอของ EU จะให้อำนาจคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ในการสั่งการให้บริษัทผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ในยุโรปต้องจัดลำดับความสำคัญคำสั่งซื้อของยูเครนเป็นอันดับต้น ๆ และให้อำนาจในการลงโทษบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตาม เช่น เบี้ยวส่งมอบ หรือไม่ยอมจัดลำดับตามที่กำหนด
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาติสมาชิก EU เพิ่งลงมติอนุมัติมาตรการ “แช่แข็งชั่วคราว” รอบล่าสุดต่อทรัพย์สินของรัฐรัสเซีย แต่การลงมติครั้งนี้ต้องอาศัยการใช้อำนาจพิเศษของผู้นำกลุ่มเพื่อฝ่าด่านคัดค้านจากบางประเทศสมาชิก เช่น ฮังการี (Hungary) และสโลวาเกีย (Slovakia) ที่ไม่เห็นด้วยกับการขยายมาตรการในรูปแบบที่สุ่มเสี่ยงต่อโครงสร้างกฎหมายของกลุ่ม
แนวคิดการนำทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัดมาใช้เป็นแหล่งเงินช่วยยูเครนกำลังเผชิญแรงต้านเพิ่มขึ้นในหลายประเทศสมาชิก โดยฝ่ายคัดค้านเตือนว่ามาตรการดังกล่าวอาจบั่นทอนรากฐานทางกฎหมายของ EU ทำลายความเชื่อมั่นต่อยูโรโซน (Eurozone) ในฐานะเขตการเงินปลอดภัย และเปิดช่องให้สถาบันยุโรป รวมถึงธนาคารกลางและโครงสร้างสหภาพ ต้องเผชิญคดีฟ้องร้องมูลค่ามหาศาลในอนาคต
ฝั่งรัสเซียยืนยันอย่างแข็งกร้าวว่าคัดค้านทุกความพยายามของ EU ในการ “ยึด” หรือ “ริบ” ทรัพย์สินของตน โดยเตือนว่าจะตอบโต้ทั้งในมิติทางเศรษฐกิจและทางกฎหมาย
ล่าสุด ธนาคารกลางรัสเซีย (Bank of Russia) ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายประมาณ 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก Euroclear ผู้ให้บริการรับฝากหลักทรัพย์รายใหญ่ของยุโรปที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถือครองทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกแช่แข็ง โดยการไต่สวนครั้งแรกถูกกำหนดไว้ในวันที่ 16 มกราคมปีหน้า ซึ่งถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นหนึ่งในคดีตัวอย่างสำคัญด้านกฎหมายการเงินระหว่างประเทศในยุคของสงครามคว่ำบาตร
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/news/629588-eu-frozen-assets-defense/