.

ไทยเผชิญแรงกดดันส่งออกข้าว หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษี – ต้นทุนสูงกว่าคู่แข่งฉุดศักยภาพตลาดโลก
7-5-2025
ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาสายพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงและเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ท่ามกลางความท้าทายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าข้าว
นายเจริญ ลาภธำรงธรรม นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า
“ข้าวหอมมะลิของไทยยังคงมีคุณภาพและชื่อเสียงในตลาดโลก ซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง แต่การปรับเพิ่มภาษีอาจทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น และส่งผลให้ข้าวไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคา”
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดยหากการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จก่อนสิ้นสุดช่วงพักการบังคับใช้ภาษีในเดือนกรกฎาคมนี้ สินค้าส่งออกของไทยอาจเผชิญภาษีสูงถึง 36%
ตามข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ปีที่แล้วไทยส่งออกข้าวได้ 9.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า และถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 โดยสหรัฐฯ นำเข้าข้าวไทย 848,449 ตัน เป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 รองจากอินโดนีเซียและอิรัก
กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกข้าวปีนี้ที่ 7.5 ล้านตัน แต่สถิติในไตรมาสแรกของปีนี้พบว่า ปริมาณส่งออกลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นายเจริญระบุว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ยอดส่งออกลดลง ได้แก่
- ภาษีที่สูงจากสหรัฐฯ
- ค่าเงินบาทแข็ง
- ราคาข้าวไทยที่แพงกว่าคู่แข่งอย่างอินเดียและเวียดนาม
“ราคาข้าวอินเดียถูกกว่าข้าวไทยเฉลี่ยตันละ 40 ดอลลาร์ ทำให้หลายประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ หันไปซื้อข้าวจากอินเดียแทนไทย”
นายอนุกูล ปรุงสนะศักดิ์ รองโฆษกรัฐบาล กล่าวในการแถลงข่าวว่า ความต้องการที่ลดลง ประกอบกับการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศผู้ส่งออกและนำเข้า อันเป็นผลจากภาวะภัยแล้งที่เริ่มคลี่คลาย จะทำให้การแข่งขันในตลาดข้าวโลกปีนี้ท้าทายยิ่งขึ้นสำหรับไทย
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ข้าวจากเวียดนามมีราคาถูกกว่าเพราะต้นทุนการผลิตต่ำ เกษตรกรมีการปลูกพืชหลากหลายและเก็บเกี่ยวได้หลายครั้งต่อปี ในขณะที่
“ข้าวไทยมีต้นทุนการผลิตสูง แต่ผลผลิตต่อไร่ต่ำ หน่วยงานภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกร โดยเฉพาะการบริหารต้นทุน การส่งเสริมการลงทุน และการพัฒนาสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง”
ด้านนายบัญจง ตั้งจิตต์วัฒนาเกษม นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยว่า มาตรการที่ไทยเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนกับการผ่อนปรนภาษีจากสหรัฐฯ เช่น การลดภาษีนำเข้าข้าวโพดจาก 73% เหลือ 0% อาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทยในระยะยาว โดยเฉพาะในส่วนของ “ปลายข้าว” และ “รำข้าว” ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อาจถูกกดราคาเนื่องจากข้าวโพดนำเข้าราคาถูก
นางแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าสหรัฐฯ ได้ร้องขอเลื่อนการเจรจาการค้าทวิภาคีออกไป เนื่องจากยังไม่พอใจกับข้อเสนอของไทย และต้องการให้ไทยทบทวนมาตรการบางประการก่อนการเจรจาจะเดินหน้าได้ ถ้อยแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจาก รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภูมิธรรม เวชยชัย ประกาศเมื่อวันที่ 21 เมษายนว่า ไทยจะไม่จัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-16 ชุดใหม่จากสหรัฐฯ
ดร.กิริฎา เภาภิชย์ ผู้อำนวยการบริการวิจัยเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า กลุ่มสินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร ยานยนต์ และผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
เธอเสนอว่า “ไทยควรรักษาจุดยืนเป็นกลาง และส่งเสริมการค้าและการลงทุนกับทุกประเทศ ควรเร่งจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับคู่ค้ารายใหม่ ๆ โดยเร็ว”
IMCT News
ที่มา : https://www.chinadaily.com.cn/a/202505/06/WS68194147a310a04af22bd898.html