.

ฮ่องกง'ใช้กฎหมาย Stablecoin แห่งแรกในเอเชีย มาตรฐานเข้มข้นช่วงคริปโตซบ-รับยุคหยวนดิจิทัลแผ่อิทธิพล
6-8-2025
Asia Time รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ฮ่องกงได้ประกาศใช้กฎหมาย Stablecoin Ordinance อย่างเป็นทางการ กลายเป็นเขตอำนาจศาลแห่งแรกในเอเชียที่สถาปนากรอบกำกับดูแลและอนุญาต stablecoin อย่างครบวงจร ภายใต้แนวทางที่สร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมการเงินกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
**กรอบกำกับที่ตั้งเป้าไว้อย่างเข้มงวด**
สำนักงานการเงินฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority - HKMA) เปิดเผยว่า คาดจะออกใบอนุญาต stablecoin รุ่นแรกภายในต้นปี 2027 โดยเริ่มกระบวนการคัดเลือกและตรวจสอบผู้สมัครแล้ว จุดเด่นของกรอบกำกับนี้ คือบังคับให้มีเงินค้ำประกัน (fiat reserve) 100% ตรวจสอบทางการเงินละเอียด มีเงินทุนขั้นต่ำ 25 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง และต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของ smart contract
จุดยืนนี้แตกต่างจากสหรัฐฯ ที่ตลาดเดินนำหน้ากฎหมาย ขณะที่ฮ่องกงวางกลไกควบคุมความเสี่ยงไว้ครบถ้วนตั้งแต่ต้น รูปแบบนี้ใกล้เคียงกับ Payment Services Act ของสิงคโปร์ หรือกฎหมาย MiCA ของสหภาพยุโรป (EU) แต่ฮ่องกงมีวิสัยทัศน์ไกลกว่า คือหวังขึ้นแท่นเป็นศูนย์กลาง settlement ด้วย stablecoin ในอนาคต ผู้สนใจสมัครใบอนุญาตจึงต้องเป็นสถาบันขนาดใหญ่ คาดว่าจะมีเพียง 3-4 รายที่ผ่านเกณฑ์สุดท้าย
**Stablecoin—จากเครื่องมือคู่คริปโตสู่เครื่องมือการเงินแบบสถาบัน**
Eddie Yue (เอ็ดดี เยว่) ผู้ว่าการ HKMA เน้นว่า “Stablecoin ไม่ใช่เครื่องมือเก็งกำไร แต่เป็นเครื่องมือชำระเงินบนบล็อกเชน” สะท้อนก้าวข้ามจากความผันผวนคู่ตลาดคริปโต สู่ยุคใหม่ที่ stablecoin กลายเป็นเครื่องมือชำระเงิน และเชื่อมโยงเข้าระบบการเงินแบบมีใบอนุญาตและการคุ้มครอง
Stablecoin สายฮ่องกง เช่น HKDG (ตรึงค่าเงินกับ HKD) และ CNHC (ตรึงกับหยวนออฟชอร์) กำลังถูก re-design ให้ใช้ได้จริงทั้งในระบบชำระเงินค้าข้ามแดน ภาคขนส่ง ตั๋ว e-commerce หรือแม้แต่ระบบคืนเงิน–กระทั่งธุรกิจ B2B และ Real World Asset (RWA) บริการ
บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ของจีน อาทิ JD Technology ได้จด trademark สำหรับ stablecoin ในฮ่องกงแล้ว เช่น JCOIN และ JOYCOIN สะท้อนแนวโน้มที่บริษัทจีนเตรียมหาโอกาสในตลาด Stablecoin สาย HKD และ RMB
**มุมมองเชิงยุทธศาสตร์: จุดเปลี่ยนบนสมรภูมิโลก**
Stablecoin ดอลลาร์สหรัฐครองส่วนแบ่งตลาดโลกกว่า 90% ด้วยพลังทางเศรษฐกิจ มากกว่าความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี หาก HKD หรือ RMB จะชิงพื้นที่ ก็ต้องใช้กลยุทธ์ deployment เช่น การผนวกกับบริการขนส่งสาธารณะ (Octopus), e-commerce, การค้า Belt and Road หรือการส่งเงินกลับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในระดับมหภาค มูลค่าตลาดคริปโตทั่วโลก ณ สิงหาคม 2025 แตะ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่องค์ประกอบสำคัญอยู่ที่การเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจริงและการจัดการสภาพคล่อง ถ้า stablecoin ฮ่องกง/จีนรุกเข้าตลาดนี้ได้ จะกลายเป็นศูนย์กลางการเงินดิจิทัลเทียบเท่าดอลลาร์
ทางการเซี่ยงไฮ้ รวมถึง JD, Ant Group กำลังเร่งศึกษารูปแบบการออก stablecoin RMB ออฟชอร์ โดยจีนเตรียมวางรากฐานการเงินเชื่อมยุทธศาสตร์ Belt and Road ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่
**บทบาท “สะพาน” ระหว่าง Web3 เทคโนโลยีและอำนาจรัฐ**
Stablecoin นับจากนี้ จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแนวคิดระบบเงินดิจิทัลที่รัฐกำกับดูแล กับระบบนวัตกรรม Web3 ที่ขับเคลื่อนด้วยเอกชน ฮ่องกงจึงต้องเร่งดึงแบงก์ในประเทศให้เข้ามามีบทบาททั้งฝั่ง open account, clearing, custody และปล่อยสินเชื่อ สร้าง ecosystem ใหม่ให้ stablecoin ขยายตัวเชิงพาณิชย์ได้จริง
เมื่อ e-HKD และ e-CNY เปิดตัวครบวงจร ด้วยฟีเจอร์ smart contract, cross-chain และ programmable taxation Stablecoin ก็อาจค่อยๆ เปลี่ยนผ่านและถูกแทนที่ แต่ปัจจุบัน “Stablecoin ยังเป็นสะพานเชื่อม” หากระเบียบใหม่ของฮ่องกงสำเร็จ อาจเปลี่ยนบทบาทเมื่อไร้พรมแดนดิจิทัลอย่างแท้จริงในภูมิภาคเอเชีย
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/08/hk-stablecoin-between-cryptos-decline-and-digital-yuans-rise/