.

สหรัฐฯ เมินทองคำเพราะขัดอำนาจเงินกระดาษ ขณะที่โลกตะวันออกและ ‘Gold Bug’ ยังคงเชื่อมั่น
9-9-2025
ทองคำทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความแตกต่างในการลงทุนระหว่างนักลงทุนอเมริกันและจีน Money Metals โดย Michael Maharrey ได้วิเคราะห์ความต่างในประเด็นนี้ว่า ในโลกของการเงินที่เต็มไปด้วยความผันผวน ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะมีค่าชี้ว่า ผู้ที่สนับสนุนการลงทุนในทองคำ หรือที่ถูกเรียกว่า 'Gold bugs' กำลังเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง โดยทองคำเป็นสินทรัพย์สำคัญที่ทุกคนควรมีไว้ในครอบครอง แม้ว่ากระแสหลักจะยังคงมองกลุ่มคนเหล่านี้อย่างดูแคลนก็ตาม
ทัศนคติเชิงลบในวงการสื่อและการลงทุน
ทัศนคติเชิงลบต่อทองคำมีรากฐานมาจากวาทกรรมในวงการสื่อกระแสหลักที่มักเรียกทองคำว่าเป็น "ซากอารยธรรมดึกดำบรรพ์" (barbaric relic) หรือ "โลหะไร้ประโยชน์" (useless metal) ซึ่งทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เกิดความลังเลใจที่จะลงทุนในทองคำ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากราคาของทองคำที่พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเติบโตถึง 34% ภายในปีนี้ ทำให้สื่อการเงินไม่สามารถกล่าวโจมตีทองคำได้โดยตรง และหันไปใช้วิธีการเพิกเฉยแทน
ความเฉยเมยนี้ยังสะท้อนให้เห็นในข้อมูลการลงทุนอย่างชัดเจน แม้ว่าความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 11% ในช่วงครึ่งปีแรก แต่ความต้องการในสหรัฐฯ กลับลดลงถึง 53% โดยนักลงทุนชาวอเมริกันซื้อทองคำในไตรมาสที่ 2 เพียง 9 ตัน ซึ่งเป็นสถิติรายไตรมาสที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 สวนทางกับจีนที่ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญพุ่งขึ้นถึง 44% ในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ที่มีการซื้อถึง 115 ตัน ซึ่งเป็นสถิติครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013
แนวโน้มนี้บ่งชี้ว่าการลงทุนในทองคำของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และในฝั่งตะวันออกมีอิทธิพลเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่นักลงทุนชาวตะวันตก โดยเฉพาะชาวอเมริกัน ยังคงลังเลใจที่จะเข้าลงทุนในโลหะมีค่าชนิดนี้
ปัจจัยทางวัฒนธรรมและการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง
ทัศนคติที่แตกต่างกันนี้ส่วนหนึ่งมาจากความแตกต่างทางวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น ชาวอินเดียมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับทองคำมาอย่างยาวนาน โดยมองว่าทองคำเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทางศาสนาและวัฒนธรรม และใช้เครื่องประดับทองคำเป็นช่องทางในการรักษาความมั่งคั่งมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้กว่า 87% ของครัวเรือนชาวอินเดียครอบครองทองคำ และทัศนคตินี้ยังพบได้ในอีกหลายประเทศในเอเชีย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าทัศนคติเชิงลบของชาวอเมริกันมีสาเหตุที่ลึกซึ้งกว่าความแตกต่างทางวัฒนธรรม โดยเชื่อว่าชนชั้นทางการเมืองและผู้ที่สนับสนุน เช่น สื่อองค์กร และสถาบันการศึกษา ได้ตั้งใจลดทอนความสำคัญของทองคำ เนื่องจากพวกเขาต้องการให้ประชาชนรักและศรัทธาในเงินกระดาษ (fiat dollars) ที่รัฐบาลสร้างขึ้น
ในอดีต การที่สหรัฐฯ ยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำ (gold standard) ก็เป็นเพราะระบบดังกล่าวจำกัดอำนาจในการสร้างเงินของรัฐบาล ซึ่งประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt) ต้องการใช้จ่ายงบประมาณมากขึ้น การยกเลิกการผูกค่าเงินดอลลาร์กับทองคำจึงทำให้รัฐบาลสามารถสร้างเงินได้ตามต้องการ ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ หากระบบการเงินยังคงถูกจำกัดด้วยทองคำ รัฐบาลจะมีขนาดและอำนาจน้อยลงอย่างมาก
ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Federal Reserve ได้กลายเป็นกลไกขับเคลื่อนที่ทำให้รัฐบาลมีอำนาจและขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยเงินที่ไร้ความน่าเชื่อถือ (unsound money) จะขโมยความมั่งคั่งของประชาชนผ่านภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของ ส.ส. โทมัส แมสซี (Thomas Massie) ที่ระบุว่า "เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่คุณได้รับจากแรงงาน ได้ถูกรัฐบาลปล้นไปนับตั้งแต่ปี 1913"
ดังนั้น ผู้มีอำนาจจึงไม่ต้องการให้ประชาชนเข้าใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการให้ประชาชนศรัทธาในเงินกระดาษของตนเอง และคิดว่าเงินเฟ้อเกิดจากบริษัทที่โลภ หรือเหตุผลภายนอกอื่นๆ ไม่ใช่ความประพฤติที่ผิดพลาดของรัฐบาล ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงยืนยันว่าถึงแม้จะถูกเยาะเย้ย แต่ 'Gold bugs' ก็ยังคงเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.linkedin.com/pulse/gold-bugs-right-money-metals-x3ome/