.

เศรษฐีเอเชียบุกตลาดทองคำ ซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่า สร้างผลตอบแทนยุคผันผวน กำไร 5-10% ต่อรอบ
10-9-2025
ท่ามกลางราคาของทองคำที่พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเอเชีย Money Metals วิเคราะห์ว๋า ตระกูลมหาเศรษฐีจำนวนมากกำลังนำโมเดลธุรกิจแบบศตวรรษที่ 19 กลับมาใช้ ด้วยการกระโดดเข้าสู่ธุรกิจทองคำโดยตรง และสวมบทบาทเป็นผู้ค้าทองคำแท่ง (bullion traders) จัดหาเงินทุน ขนส่ง และพลิกขายทองคำโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
รายงานของสำนักข่าว The Business Times ได้ยกตัวอย่าง Cavendish Investment ซึ่งเป็นสำนักงานดูแลสินทรัพย์ของหลายตระกูล (multi-family office) ที่บริหารโดยอดีตประธานบริษัทเครื่องประดับในฮ่องกง ในปีนี้ บริษัทได้จัดสรรสัดส่วนการลงทุนประมาณหนึ่งในสามของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดเพื่อการค้าทองคำทางกายภาพ โดยแหล่งข่าวระบุว่า Cavendish ก้าวไป "ไกลกว่าการลงทุนในกองทุนดัชนีและการถือครองในห้องนิรภัย"
โมเดลธุรกิจของบริษัทคือการจัดหาทองคำจากเหมืองขนาดเล็กในประเทศเคนยาและประเทศอื่นๆ ในแอฟริกา จากนั้นจะลำเลียงแร่ทองคำไปยังฮ่องกงเพื่อทำการถลุงและขายในราคาตลาดให้กับลูกค้าผู้มั่งคั่งทั่วเอเชีย ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า "หากฟังดูคล้ายกับห้างการค้าในศตวรรษที่ 19 นั่นก็เป็นเพราะมันใช่เลย"
ความเสี่ยงและผลตอบแทนในตลาดค้าทองคำ
ธุรกิจการค้าทองคำที่ยังไม่ได้รับการถลุงนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก ผู้เล่นในตลาดจะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งกับผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม นายแพทริค ทูฮี (Patrick Tuohy) นายหน้าค้าทองคำกล่าวว่า "เมื่อคุณรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ มันจะกลายเป็นเรื่องทางกลไกและสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล" แต่ก็เตือนว่าการขาดประสบการณ์อาจทำให้คุณต้องเสียเงินนับพันหรือนับล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ก็จะสามารถสร้างศักยภาพในการทำกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ Cavendish รายงานว่าสามารถทำกำไรได้ 5-10% จากการส่งมอบแต่ละครั้ง
แรงขับเคลื่อนจากเอเชีย สวนทางกับความต้องการในสหรัฐฯ
นักลงทุนชาวเอเชียมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการใช้ทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ด้วยระดับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และนโยบายการเงินที่ผิดพลาด (monetary malfeasance) ได้ผลักดันให้ความต้องการทองคำพุ่งสูงขึ้นไปอีก
นักลงทุนในเอเชีย รวมถึงธนาคารกลางต่างๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดกระทิงของทองคำในระยะแรก ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทั่วโลกเพิ่มขึ้น 11% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 โดยเพิ่มขึ้นเป็น 582 ตัน โดยมีนักลงทุนชาวจีนและอินเดียเป็นผู้นำตลาด
ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญในจีนเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในครึ่งปีแรก โดยนักลงทุนชาวจีนเข้าซื้อทองคำแท่งและเหรียญถึง 115 ตันในไตรมาสที่ 2 เพียงไตรมาสเดียว ซึ่งถือเป็นช่วงครึ่งปีแรกที่มีการซื้อทองคำทางกายภาพแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 นอกจากนี้ ยังพบว่านักลงทุนในฮ่องกงได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในทองคำขึ้นเป็นสองเท่า ขณะที่ในจีนแผ่นดินใหญ่ สัดส่วนของทองคำในพอร์ตการลงทุนโดยเฉลี่ยของนักลงทุนผู้มั่งคั่งเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 15% ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี ส่วนในอินเดีย ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญก็เพิ่มขึ้น 7% ในช่วงครึ่งปีแรก
ในทางกลับกัน นักลงทุนชาวอเมริกันยังคงขายทองคำของตนต่อไป โดยยอดขายทองคำแท่งและเหรียญลดลงถึง 53% ในช่วงครึ่งปีแรก โดยความต้องการในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่เพียง 9 ตัน ซึ่งเป็นระดับรายไตรมาสที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2019
นายโจชัว ร็อทบาร์ท (Joshua Rotbart) นายหน้าค้าโลหะมีค่าให้ความเห็นว่า "ตระกูลชาวเอเชียมีความเข้าใจในทองคำมากกว่าตระกูลชาวตะวันตกอย่างลึกซึ้ง เพราะทองคำเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน พวกเขารู้ว่าต้องลงทุนในทองคำในฐานะธุรกิจ"
ทองคำ: เครื่องจักรทำเงินที่ซับซ้อน
นายแพทริค ทูฮี (Patrick Tuohy) กล่าวว่า "ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนในเอเชีย ทุกคนจะซื้อทองคำในสัดส่วนที่มากกว่าชาวตะวันตกมาก" โดยระบุว่าประชาชนถือทองคำไว้เพราะรู้ว่าสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เสมอในวันที่ยากลำบาก และตระกูลมหาเศรษฐีบางส่วนกำลังใช้ทองคำเพื่อซื้อสินทรัพย์อื่นๆ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์และหุ้น
นอกจากนี้ ยังมีจำนวนตระกูลชาวเอเชียที่มั่งคั่งจำนวนมากขึ้นที่ปล่อยเช่าทองคำ โดยแหล่งข่าวรายงานว่าตระกูลมหาเศรษฐีในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และฮ่องกงกำลังสร้างผลตอบแทน 3-4% จากการให้ยืมทองคำแท่งแก่ร้านค้าอัญมณี ซึ่งช่วยให้นักลงทุนทองคำสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจากราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของทองคำ "พวกเขาเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ปลอดภัยให้กลายเป็นเครื่องจักรทำเงินแบบเงียบๆ"
นักลงทุนชาวเอเชียที่ชาญฉลาดบางรายยังใช้วิธีซื้อทองคำแท่งในราคาที่มีส่วนลดที่ดูไบ และนำไปขายต่อในฮ่องกง ซึ่งมีความต้องการที่ร้อนแรงและผู้คนยอมจ่ายส่วนเพิ่มเพื่อครอบครองทองคำทางกายภาพ
นอกจากนี้ ความอ่อนแอของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญกับหนี้สินที่พุ่งสูงขึ้นและโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Federal Reserve ได้หนุนความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและทำให้ราคาทองคำมีราคาที่น่าดึงดูดสำหรับผู้ซื้อในเอเชีย
แม้ว่านักวิเคราะห์จะมองว่าตลาดทองคำที่ร้อนแรงอาจจะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากราคาที่สูงขึ้น แต่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นจากผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้ความต้องการทองคำกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งได้ในอนาคตอันใกล้นี้
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.moneymetals.com/news/2025/09/07/wealthy-asian-families-are-diving-into-the-gold-market-004320