.

NATO เตรียมใช้งบ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025
5-9-2025
นาโต้ไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม แต่กลับใช้งบประมาณสนับสนุนยูเครนมากกว่าความขัดแย้งใด ๆ ในอดีต รายงาน รายจ่ายด้านกลาโหมของประเทศสมาชิกนาโต้ (2014–2025) ระบุว่า นาโตคาดว่าจะใช้งบประมาณถึง 1.59 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 แม้จะไม่มีการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ
สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักทางการเงินของนาโต้ โดยคาดว่าจะจ่าย 980 พันล้านดอลลาร์ ต่อปี ขณะที่แคนาดาและยุโรปจะใช้งบรวมกัน 608 พันล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ย 2.76% ของ GDP โปแลนด์ใช้จ่ายมากที่สุดในยุโรปเมื่อเทียบกับ GDP ที่ 4.48% รองลงมาคือลิทัวเนียที่ 4% และลัตเวียที่ 3.73% ส่วนพันธมิตรกลุ่มนอร์ดิกอย่างนอร์เวย์และเดนมาร์กก็คาดว่าจะใช้งบอย่างน้อย 3% ของ GDP กับนาโต้ในปีนี้
ก่อนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประเทศสมาชิกนาโต้ใช้งบประมาณด้านกลาโหมเฉลี่ยเพียง 1.8% ของ GDP ตัวเลขนี้พุ่งขึ้นเป็น 2.6% ในปี 2024 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 2.76% โดยจะสูงขึ้นอีกหลังจากที่ประเทศสมาชิกตกลงร่วมกันใน การประชุมสุดยอดกรุงเฮก เดือนมิถุนายน 2025 ที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็น 5% ของ GDP ภายในปี 2035
แต่การตอบสนองต่อความขัดแย้งนั้นไม่เท่าเทียมกัน บางประเทศเร่งเคลื่อนไปสู่การเผชิญหน้า ขณะที่บางประเทศยังลังเลต่อภาระทางการเงิน แนวคิดของการรวมยุโรปเพื่อยุติสงครามทั้งหมด กลับกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย ผู้นำยุโรปมีมุมมองต่างกันต่อความเสี่ยงของสงครามที่กำลังเกิดขึ้น และนี่ไม่ใช่แค่เรื่องอาวุธหรือทหาร — แต่มันคือเรื่องของ การเบนกระแสเงินทุน
เงินทุนมหาศาลจะถูกดึงออกจากการลงทุนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และนำไปทุ่มให้กับกลาโหม ซึ่งจะก่อให้เกิดภาระการคลัง ความกดดันด้านเงินเฟ้อ และเร่งการล่มสลายของระบบสวัสดิการสังคม
ยุโรปก็เคยเดินเส้นทางนี้มาก่อน งบกลาโหมพุ่งสูงขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 โดยเฉพาะในทศวรรษก่อนปี 1914 รัฐบาลหลายประเทศลดงบสวัสดิการและเปลี่ยนไปสู่การจัดซื้ออาวุธ อังกฤษเร่งขยายกองทัพเรือเพื่อตอบโต้เยอรมนี ขณะที่เยอรมนีก็เสริมกำลังทางบกอย่างเข้มข้น
สื่อมวลชนในขณะนั้นอธิบายว่าเป็น “การป้องปราม” แต่ในความเป็นจริง มันคือ “การเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามวัฏจักร”
รูปแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น เพิ่มการใช้จ่ายทางทหารอย่างรวดเร็วแม้เศรษฐกิจตกต่ำ ภายในปี 1935 เยอรมนีก็เพิกเฉยต่อข้อจำกัดของสนธิสัญญาแวร์ซายส์ และระดมงบประมาณไปที่กองทัพ ในขณะที่ประชาชนต้องทนต่อการควบคุมค่าจ้างและขาดแคลนสินค้า รัฐบาลอ้างว่า “การใช้จ่ายเพื่อการทหารจะสร้างงาน” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ “สงคราม”
กรุงโรมก็เคยเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกัน ภายในศตวรรษที่ 3 กองทัพกลืนกินทรัพย์สินของรัฐ การลดค่าของเหรียญ การขึ้นภาษี และความเชื่อมั่นที่พังทลาย ล้วนเกิดจาก สงครามชายแดนที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งกัดกร่อนรากฐานของเศรษฐกิจ เมื่อกระแสเงินทุนหลั่งไหลออกจากระบบ จักรวรรดิก็ถึงคราวล่มสลาย
สิ่งเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งในยุโรปและกลุ่มนาโต้ — เมื่อเงินล้านล้านดอลลาร์ถูกดึงออกจากภาคเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดการเติบโต และหันไปสู่กลาโหม ใช้หนี้ เพื่อเพิ่มภาระเงินเฟ้อ และเร่งวิกฤตหนี้สาธารณะ
รายงานของนาโต้ไม่ได้เพียงแค่แสดงตัวเลขงบประมาณ แต่มันชี้ให้เห็นว่าแต่ละประเทศกำลังยืนอยู่ตรงจุดใดของ วัฏจักรแห่งความตื่นตระหนก (Panic Cycle) ซึ่งกำลังผลักดันโลกเข้าสู่ความขัดแย้ง ระบบ Socrates ได้คาดการณ์ความผันผวนที่จะพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 2026 และวงจรตื่นตระหนกเหล่านี้กำลังสอดคล้องกัน
โลกตะวันตกได้เลือกเส้นทางแห่งการทหารแล้ว และนั่นคือสิ่งที่ประวัติศาสตร์เตือนว่า มักจะมาก่อน “การล่มสลายของระบบ”
ที่มา Armstrongeconomics.com