แพลตฟอร์มลงทุนเตือน:คริปโตไม่ควรอยู่ในพอร์ตของคุณ

แพลตฟอร์มลงทุนรายใหญ่ในอังกฤษเตือนนักลงทุน: "คริปโตไม่ควรอยู่ในพอร์ตของคุณ"
11-10-2025
หนึ่งในแพลตฟอร์มการซื้อขายรายใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ออกคำเตือนรุนแรงถึงนักลงทุนรายย่อย ที่หวังจะเก็งกำไรจากกฎเกณฑ์คริปโตที่ผ่อนคลายว่า
“สกุลเงินดิจิทัลไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนของคุณ”
คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากการยกเลิก ข้อห้ามนักลงทุนรายย่อยในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ ETN (Exchange-Traded Notes) ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ETN คือ ตราสารหนี้ที่อิงกับสินทรัพย์เฉพาะอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง โดยในกรณีนี้จะทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงคริปโตได้ ผ่านการซื้อขายในตลาดที่ได้รับการกำกับดูแล
การผ่อนคลายกฎดังกล่าวจุดประกายให้เกิดคำเตือนจาก Hargreaves Lansdowne แพลตฟอร์มการลงทุนรายย่อยที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ซึ่งขอให้นักลงทุน “ใช้ความระมัดระวังอย่างมาก”
ในแถลงการณ์ บริษัทระบุว่า: “มุมมองการลงทุนของ HL คือ บิตคอยน์ไม่ใช่สินทรัพย์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Asset Class ใด และเราไม่คิดว่าสกุลเงินดิจิทัลมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตเพื่อการเติบโตหรือสร้างรายได้”
“เราจึงไม่แนะนำให้ใช้มันเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายทางการเงินของลูกค้า”
“ไม่สามารถวิเคราะห์สมมติฐานด้านผลตอบแทนของคริปโตได้ และ ต่างจากสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ ตรงที่มันไม่มีมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value)”
เมื่อต้นปีนี้ เจ้าหน้าที่ภาครัฐของอังกฤษได้ประกาศว่าจะยกเลิกข้อห้าม ETN โดยให้เหตุผลว่า “จะสนับสนุนการเติบโตและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมคริปโตในสหราชอาณาจักร” ซึ่งบริษัทคริปโตมองว่าเป็น "ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ" ของภาคธุรกิจในประเทศ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังประกาศเมื่อวันพุธว่า นักลงทุนจะสามารถถือครอง คริปโต ETN ในบัญชี Stocks and Shares ISA ได้เช่นกัน — ซึ่งเป็นบัญชีลงทุนที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยอนุญาตให้ลงทุนได้สูงสุด £20,000 (ประมาณ 26,753 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปีแบบปลอดภาษี
ได้มาก ก็เสียมาก: ความผันผวนของคริปโตยังเป็นประเด็น
สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrencies) ซึ่งทำงานแบบ ไร้ศูนย์กลาง (Decentralized) และ ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานกลาง เช่น รัฐบาลหรือธนาคารกลาง ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในวงการการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของ ความผันผวนของราคา ที่เป็นที่รู้จักกันดี
ในปี 2022 โลกคริปโตประสบกับช่วงที่เรียกว่า “Crypto Winter” ซึ่งทำให้นักลงทุนสูญเสียมูลค่ารวมกันมากถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ บิตคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งเป็นคริปโตที่มีการซื้อขายมากที่สุด ยังคงมอบผลตอบแทนที่สูงอย่างมากให้กับนักลงทุนกลุ่มแรก ๆ ที่เข้าสู่ตลาด
ณ ล่าสุด บิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ $121,508 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ แม้ผลตอบแทนระยะยาวของบิตคอยน์ จะอยู่ในแดนบวก แต่บริษัท Hargreaves Lansdowne (HL) ยังย้ำให้นักลงทุนพิจารณาความเสี่ยงที่มาพร้อมกับ สกุลเงินดิจิทัลทุกประเภท รวมถึงบิตคอยน์ด้วย
“แม้บิตคอยน์จะให้ผลตอบแทนในระยะยาวได้ดี แต่ก็เคยเผชิญกับช่วงที่มูลค่าลดลงอย่างรุนแรงหลายครั้ง และถือเป็นการลงทุนที่มีความผันผวนสูงมาก — มีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นหรือพันธบัตรอย่างชัดเจน” HL ระบุในแถลงการณ์เมื่อสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทระบุว่า เข้าใจว่ามีนักลงทุนบางรายต้องการเก็งกำไรในคริปโตผ่าน ETNs และจึงมีแผนจะเปิดให้ “ลูกค้าที่เหมาะสม” สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ตั้งแต่ ต้นปี 2026
การสนับสนุนจากสถาบันการเงิน
โลกคริปโตยังคงเป็น ประเด็นที่สร้างความแตกแยกในหมู่นักวิเคราะห์และผู้จัดการสินทรัพย์ บางสถาบันการเงินรายใหญ่หันมาสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่บางแห่งยังคงเตือนถึงความเสี่ยง
เมื่อเดือนที่แล้ว Morgan Stanley เปิดเผยว่าใกล้จะเปิดให้ นักลงทุนรายย่อยซื้อขายคริปโต ผ่านแผนก E-Trade โดยถือเป็นธนาคารสหรัฐฯ แห่งแรกที่เปิดให้ ลูกค้าระดับมั่งคั่งเข้าถึงกองทุนบิตคอยน์ ซึ่งในเวลาต่อมา ธนาคารรายอื่นก็เริ่มเดินตาม
JPMorgan เองก็มีแผนเข้ามามีบทบาทในตลาด Stablecoin แม้ Jamie Dimon ซีอีโอของธนาคารจะเคยวิจารณ์คริปโตอย่างหนักในอดีต
ในขณะที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังระดับโลก ก็เป็นอีกเสียงหนึ่งที่แสดงจุดยืนต่อต้านคริปโตอย่างชัดเจน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง Chris Mellor หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ ETF ด้านตราสารทุนของ Invesco ประจำภูมิภาค EMEA กล่าวกับ CNBC เมื่อวันพฤหัสบดีว่า
เขาเชื่อว่าสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถช่วยนักลงทุนป้องกันความผันผวนในตลาดการเงินแบบดั้งเดิมได้
ที่มา CNBC