.
ทรัมป์เตรียมพบ “สี จิ้นผิง” ครั้งแรกในวาระที่สอง ท่ามกลางการเจรจาการค้าที่ไร้ข้อสรุป
27-10-2025
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนเอเชีย ขณะที่สองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกกำลังพยายามลดความตึงเครียดและหาทางบรรลุข้อตกลงทางการค้าที่จนถึงขณะนี้ยังไม่เกิดผล
แคโรไลน์ ลีวิตต์ เลขาธิการสื่อมวลชนทำเนียบขาว กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ทรัมป์จะพบกับสี จิ้นผิงในวันที่ 30 ตุลาคม ระหว่างการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค (APEC)
“ผมคิดว่าเราจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก และทุกคนจะพอใจอย่างมาก” ทรัมป์กล่าวในวันเดียวกันถึงการพบปะที่วางแผนไว้กับสี
ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ วี ซอง-ลัก ยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีถึงการเยือนระดับรัฐของทรัมป์และสีในระหว่างการประชุมเอเปค แม้ว่าทางการจีนยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่จะเป็นการพบกันต่อหน้าเป็นครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสองนับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้โทรศัพท์พูดคุยกันอย่างน้อยสองครั้งในปีนี้ โดยการพบกันครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2019 ระหว่างวาระแรกของทรัมป์
การพบปะครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากช่วงเวลาของการสงบศึกทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 พฤศจิกายน หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงขยายเวลาได้ ทรัมป์ยังได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นเส้นตายสำหรับการขึ้นภาษีเพิ่มเติม 100% ที่ประกาศไปเมื่อต้นเดือนนี้ด้วย
ข้อตกลงหยุดชั่วคราวทางการค้าดังกล่าวกำลังถูกคุกคามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากมาตรการจำกัดชุดใหม่ ตั้งแต่ค่าธรรมเนียมท่าเรือที่สูงสำหรับเรือสินค้าของแต่ละฝ่าย การขยายการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี ไปจนถึงการจำกัดแร่แรร์เอิร์ธ
สองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจยังคงขัดแย้งกันในประเด็นที่ค้างคามายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี ศักยภาพในการซื้อสินค้าเกษตร การลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิล และประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่อ่อนไหวอย่างไต้หวัน
“นี่จะเป็นการประชุมผู้นำที่มีความเสี่ยงสูงแต่ก็มีผลตอบแทนสูงเช่นกัน”
หาน เสิน หลิน ผู้อำนวยการฝ่ายจีนของบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก The Asia Group กล่าว “ทั้งสองฝ่ายจะพยายามกดปุ่ม ‘รีเซ็ต’ ความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนจากมาตรการโต้กลับไปมาในช่วงหลัง ๆ” เขากล่าวเสริม พร้อมระบุว่าทั้งสองฝ่ายต่างพยายามหลีกเลี่ยง “การยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่ที่อาจกลายเป็นพาดหัวข่าว”
หานกล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งสองประเทศอาจบรรลุข้อตกลงเพื่อเดินหน้าการเจรจาการค้าที่ยังดำเนินอยู่ มากกว่าการตกลงครั้งใหญ่แบบครอบคลุม โดยเน้นว่ายังมีข้อขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่ลึกกว่านั้นซึ่ง “ยังไม่ถูกแก้ไข — และอาจไม่มีวันแก้ได้”
ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบิน Air Force One เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประเด็นแร่แรร์เอิร์ธ เฟนทานิล ถั่วเหลือง และไต้หวัน เป็นหัวข้อหลักที่สหรัฐฯ จะหยิบยกขึ้นหารือกับจีน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ไทเปอยู่ระหว่างการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับวอชิงตัน และจะติดตามการพบปะระหว่างทรัมป์กับสีอย่างใกล้ชิด
ระหว่างการแถลงข่าวเกี่ยวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของจีนเมื่อวันศุกร์ หวัง เหวินเทา รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน ย้ำว่าสหรัฐฯ และจีนยังสามารถหาหนทางในการพูดคุยและร่วมมือกันได้ แทนที่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ถดถอยไปสู่การ “แยกขาด” ทางเศรษฐกิจ
กระทรวงการต่างประเทศจีนและสถานเอกอัครราชทูตจีนในสหรัฐฯ ยังไม่ได้ตอบรับคำขอยืนยันเกี่ยวกับการเดินทางของสีไปยังเกาหลีใต้ในทันที
กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุเมื่อวันพฤหัสบดีว่า คณะผู้แทนที่นำโดย เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเจรจาการค้าระดับสูงของประเทศ จะพบกับ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ ที่มาเลเซียในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือประเด็นทางเศรษฐกิจและการค้า
สัญญาณคลี่คลายความตึงเครียด?
ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งกลับมาปะทุอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายต่างพยายามสะสมอำนาจต่อรองก่อนการเจรจาครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การยืนยันการพบกันระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความตั้งใจที่จะลดความตึงเครียดและนำการเจรจากลับสู่เส้นทางเดิม นักวิเคราะห์กล่าว
แดน หวัง ผู้อำนวยการฝ่ายจีนของบริษัทที่ปรึกษาด้านการเมือง Eurasia Group กล่าวว่า การที่การประชุมนี้จะเกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าจีนอาจยอมให้มีการประนีประนอมบางประการ เช่น การเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรหรือการลงทุนในสหรัฐฯ และการให้สิทธิ์อนุมัติการนำเข้าแร่แรร์เอิร์ธแก่สหรัฐฯ เป็นลำดับความสำคัญ ขณะที่วอชิงตันอาจพิจารณาผ่อนคลายข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีต่อจีน
เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปักกิ่งได้ขยายข้อจำกัดการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการขู่จะเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมอีก 100%
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ วิจารณ์การดำเนินการของจีนว่าเป็น “ความพยายามทำลายเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก และต้องการฉุดให้ประเทศอื่น ๆ ตกต่ำไปด้วยกัน”
รัฐบาลทรัมป์ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจำกัดการส่งออกสินค้าจำนวนมากที่ผลิตด้วยซอฟต์แวร์ของสหรัฐฯ ไปยังจีน และมีรายงานว่ากำลังวางแผนเปิดการสอบสวนทางการค้าเกี่ยวกับการที่จีนไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงการค้าที่ลงนามไว้ในสมัยแรกของทรัมป์
หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่าการสอบสวนดังกล่าวอาจถูกประกาศได้เร็วที่สุดภายในวันศุกร์ ซึ่งจะเป็นการปูทางให้สหรัฐฯ สามารถเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมได้อีก
เมื่อต้นเดือนนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยแสดงท่าทีว่าอาจยกเลิกการพบปะกับสี จิ้นผิง ท่ามกลางความไม่พอใจต่อการที่จีนขยายข้อจำกัดการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลขึ้น โดยกล่าวถึง “ความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม” กับสี และแสดงความมั่นใจว่าการเจรจาครั้งนี้จะนำไปสู่ “ข้อตกลงที่ดี” ทางการค้า
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขามีกำหนด “การประชุมยาว” กับสีในระหว่างการเดินทางเยือนเกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงกับผู้นำจีนในเรื่องการซื้อถั่วเหลืองและการจำกัดอาวุธนิวเคลียร์
ท่ามกลางข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่ขยายวงกว้างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนให้คำมั่นว่าจะเสริมสร้าง ความพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ตามแผนเศรษฐกิจฉบับใหม่ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี
ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ ผู้นำจีนกล่าวถึงความท้าทายภายนอกที่ซับซ้อน พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการลดการพึ่งพาสหรัฐฯ และเดินหน้าผลักดันวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยีของตนเอง
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายยังคงมีอำนาจต่อรองอยู่มาก แต่จีนดูเหมือนจะ “พร้อมเดินออกจากโต๊ะเจรจามากกว่า หากข้อตกลงไม่ตอบโจทย์เป้าหมายของตน”
กาเบรียล ไวลดาว์ กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษา Teneo กล่าว พร้อมเสริมว่าทรัมป์อาจต้องการหลีกเลี่ยงการบังคับใช้มาตรการภาษี 100%
แม้สถานการณ์ล่าสุดจะตึงเครียดขึ้น แต่การพบกันระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิงที่กำลังจะมาถึง จะมีบทบาทสำคัญในการ “ฟื้นฟูเสถียรภาพบางส่วนของความสัมพันธ์ทวิภาคี” และเป็นการปูทางสู่การผลักดันการเจรจาขั้นสุดท้ายเพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้าในช่วงต้นปี 2026 ไวลดาว์กล่าวเสริม
ทรัมป์มีกำหนดเดินทางถึงโตเกียวในวันที่ 27 ตุลาคม เพื่อพบกับ ซานาเอะ ทากาอิจิ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ก่อนเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้
ที่มา CNBC
--------------------------
สหรัฐฯ-จีน บรรลุกรอบการค้า จีนถอยเรื่องแร่หายาก ระงับภาษี 100% คาด ทรัมป์-สี จะสรุปขั้นสุดท้าย"
27-10-2025
Bloomberg รายงานว่า สก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยความคืบหน้าข้อตกลงการค้ากับจีน ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมเยือนเอเชีย**
รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนท์ (Scott Bessent) เปิดเผยว่าสหรัฐฯ และจีนได้บรรลุกรอบข้อตกลงการค้า โดยสหรัฐฯ จะไม่ขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็น 100% ตามที่เคยขู่ไว้ พร้อมระบุว่าผู้นำทั้งสองประเทศจะเป็นผู้สรุปข้อตกลงขั้นสุดท้าย
เบสเซนท์ให้สัมภาษณ์ในรายการ "Meet the Press" ทางสถานีโทรทัศน์ NBC เมื่อคริสเตน เวลเกอร์ (Kristen Welker) ผู้ดำเนินรายการซักถามว่าภาษี 100% จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤศจิกายนหรือไม่ โดยเขาตอบว่า "ผมไม่คาดว่าจะมีการขึ้นภาษี 100%" และเสริมว่าการขู่ดังกล่าวช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองให้แก่เขาและนายเจมิสัน กรีเออร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระหว่างการเจรจาการค้ารอบที่ห้ากับจีนซึ่งเพิ่งสรุปเมื่อวันอาทิตย์ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ข่าวดีสำหรับตลาดโลกอีกประการหนึ่งคือ เบสเซนท์คาดว่าจีนจะชะลอการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก (rare earth elements) เพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก โดยเขากล่าวว่า "ผมคาดว่าเราจะได้รับการเลื่อนการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากที่จีนได้หารือไว้"
ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีปริมาณแร่หายากสำรองเป็นอันดับ 7 ของโลก ซึ่งคิดเป็นเพียง 4% ของปริมาณที่จีนมี โดยแร่หายากเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์
การพัฒนาข้อตกลงการค้าล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เตรียมเดินทางเยือนเอเชียเป็นครั้งแรกในสมัยที่สองของการดำรงตำแหน่ง โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนกำลังเตรียมข้อตกลงทางการค้าเพื่อให้ผู้นำทั้งสองประเทศสรุปขั้นสุดท้าย
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปิดตัวข้อตกลงหลายฉบับกับผู้นำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามในปฏิญญาสันติภาพภายใต้การกำกับดูแลของทรัมป์ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังได้พบกับประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา (Lula) ของบราซิล และคาดการณ์ว่าจะมี "ข้อตกลงที่ค่อนข้างดี" ระหว่างสองประเทศ
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/live-blog/2025-10-26/asean-summit-and-trump-s-asia-tour?srnd=homepage-americas&cursorId=68FDF809BC240000