.

อินโดนีเซียภายใต้ 'ปราโบโว' จาก BRI ถึง BRICS เน้นจีนเป็นแกนหลักทั้งเศรษฐกิจ การทหาร และการทูต
23-10-2025
Asia Times รายงานว่า ปราโบโว ซูบิอันโต (Prabowo Subianto) ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนปัจจุบัน กำลังเดินหน้าปรับนโยบายต่างประเทศโดยวาง “จีน” เป็นศูนย์กลางทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เห็นได้จากความร่วมมือระดับสูงที่ยกระดับขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เขาขึ้นดำรงตำแหน่งในปี 2024 .
ประธานาธิบดีปราโบโว ซูบิอันโต (Prabowo Subianto) ก้าวสู่ปีแรกของการดำรงตำแหน่งด้วยการวาง “จีน” เป็นศูนย์กลางนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจ โดยยกระดับบทบาทปักกิ่งจากคู่ค้าเชิงยุทธศาสตร์สู่เสาหลักของการพัฒนาชาติ
ต่างจากอดีตประธานาธิบดีโจโค วิโดโด (Joko Widodo หรือ “โจโกวี”) ที่มุ่งเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยแยกออกจากประเด็นอธิปไตยทางทะเล ปราโบโวกลับเชื่อมโยงความร่วมมือกับจีนเข้ากับยุทธศาสตร์ทางการเมืองและความมั่นคง ซึ่งชัดเจนเมื่อเขาเลือกจีนเป็นจุดหมายเยือนต่างประเทศแห่งแรกหลังรับตำแหน่งเมื่อปลายปี 2024 พร้อมลงนามในแถลงการณ์ทางทะเลร่วม ที่มีถ้อยคำเปิดช่องให้ “การพัฒนาร่วมในเขตทะเลซ้อนทับ” ซึ่งสร้างความกังวลภายในประเทศต่อประเด็นเส้นแบ่งเขตในทะเลจีนใต้ .
ในการเยือนดังกล่าว จีนให้คำมั่นลงทุนกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ ในโครงการอุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐาน และการศึกษา รวมถึงสนับสนุนโครงการสวัสดิการ “อาหารกลางวันฟรี” และ “บ้านประชาชน” ของอินโดนีเซียผ่านเงินกู้ในกรอบ Belt and Road Initiative (BRI).
ต้นปี 2025 อินโดนีเซียเข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ ตามด้วยการเข้าร่วมธนาคาร New Development Bank (NDB) ของกลุ่มเดียวกันในเดือนมีนาคม ซึ่งเปิดทางสู่แหล่งเงินทุนใหม่ และสื่อสัญญาณชัดเจนว่าจาร์กาตากำลังขยับเข้าสู่ระเบียบโลกหลายขั้วที่จีนเป็นผู้ขับเคลื่อน.
ในเดือนพฤษภาคม นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง (Li Qiang) เดินทางเยือนจาการ์ตา และตกลงขยายความร่วมมือด้านพลังงานสีเขียว ดิจิทัล และโลจิสติกส์ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องพัฒนาเศรษฐกิจตาม “จิตวิญญาณบันดุง” ให้สอดคล้องกับบทบาทประเทศกำลังพัฒนา .
ความสัมพันธ์ด้านกลาโหมก็เข้มข้นขึ้น อินโดนีเซียสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ Chengdu J‑10C มูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นดีลยุทโธปกรณ์กับจีนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมี พร้อมกับแผนขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูง จาการ์ตา‑บันดุง ที่สืบต่อจากรัฐบาลก่อนหน้า .
ในระดับสัญลักษณ์ ปราโบโวเป็นผู้นำอินโดนีเซียคนแรกที่เข้าร่วมพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะที่กรุงปักกิ่ง เมื่อกันยายน 2025 ยืนเคียงข้างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Vladimir Putin และ Kim Jong Un) เพื่อแสดงบทบาทร่วมในกลุ่มประเทศโลกใต้ (Global South) แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าเขาทิ้งสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศขณะนั้น .
ด้านจีนเอง ให้คำมั่นสนับสนุนนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล ปราโบโว โดยมุ่ง “สร้างอนาคตร่วมที่มั่นคงและยั่งยืน” และร่วมคัดค้านการกลั่นแกล้งฝ่ายเดียวในเวทีระหว่างประเทศ .
อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาทุนจีนที่เพิ่มขึ้นกำลังสร้างแรงกดดันภายในประเทศ ทั้งกรณีสิ่งแวดล้อม แรงงาน และปัญหาการล้มละลายของบริษัทจีนที่มีสาขาในอินโดนีเซีย ในขณะที่รัฐบาลยังคงมองข้ามประเด็นเหล่านี้ เพื่อรักษาภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว.
นักวิเคราะห์ จาก CSIS ของอินโดนีเซีย ระบุว่า แนวนโยบายของ ปราโบโว “ไม่ใช่การหันหลังให้ตะวันตก แต่คือการขยับเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจใหม่” โดยยังรักษาหลักการ “พันมิตรนับพัน ศัตรูเป็นศูนย์” (thousand friends, zero enemies) แต่เน้นความชัดเจนและเปิดเผยกว่ารัฐบาล โจโกวี .
สรุปแล้ว หนึ่งปีบนเส้นทางนโยบายจีนของ ปราโบโว สะท้อนความต่อเนื่องจากยุค โจโกวี แต่เพิ่มเติม “ความเข้มข้นและสัญลักษณ์ทางการเมือง” ที่สูงขึ้น เป้าหมายคือยกระดับสถานะของอินโดนีเซียในเวทีโลก โดยใช้ความร่วมมือกับจีนเป็นฐานหลักของยุทธศาสตร์ “จาการ์ตา‑ศูนย์กลางใหม่ของเอเชีย.”
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/10/taking-the-measure-of-prabowos-tilt-toward-china/