ปูตินเปิดเผยผลลัพธ์ของการพูดคุยกับทรัมป์ทางโทรศัพท์

20-5-2025

    มอสโกพร้อมเจรจากับเคียฟเพื่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยข้อตกลงสันติภาพในอนาคต ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียกล่าว ภายหลังการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา โดยเขาอธิบายว่าการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้เป็นไปอย่าง “สร้างสรรค์ มีเนื้อหาสาระ และตรงไปตรงมา”

การสนทนาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากินเวลานานกว่าสองชั่วโมง โดยเน้นประเด็นหลักคือความขัดแย้งในยูเครน ในถ้อยแถลงสั้นๆ ต่อสื่อมวลชนภายหลังการสนทนา ปูตินเปิดเผยว่า ทั้งสองผู้นำได้เห็นพ้องกันว่ารัสเซียจะเสนอร่างบันทึกความเข้าใจ ซึ่งจะระบุหลักการและกรอบเวลาสำหรับข้อตกลงสันติภาพที่เป็นไปได้ รวมถึงประเด็นอื่นๆ เช่น “การหยุดยิงชั่วคราว หากสามารถบรรลุข้อตกลงที่จำเป็นได้”

ปูตินเน้นว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราคือการแก้ไขสาเหตุพื้นฐานของความขัดแย้งในยูเครน”

ต่อไปนี้คือคำแถลงฉบับเต็มของเขาตามที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทางการของทำเนียบเครมลิน:

ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน: คณะทำงานได้ขอให้ข้าพเจ้ากล่าวความคิดเห็นโดยสังเขปเกี่ยวกับผลการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา

    การสนทนาดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้ว โดยใช้เวลานานกว่าสองชั่วโมง ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่า การสนทนาเป็นไปอย่างมีสาระสำคัญและตรงไปตรงมา โดยรวมแล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง

    ก่อนอื่น ข้าพเจ้าได้แสดงความขอบคุณต่อประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา สำหรับการสนับสนุนของสหรัฐฯ ในการช่วยอำนวยความสะดวกให้มีการกลับมาเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียและยูเครนอีกครั้ง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ และฟื้นฟูการเจรจาที่เราทราบกันดีว่าถูกยุติโดยฝ่ายยูเครนในปี 2565

   ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แสดงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการยุติการสู้รบและแนวโน้มของการหยุดยิง ในส่วนของข้าพเจ้า ขอยืนยันว่ารัสเซียก็สนับสนุนการยุติความขัดแย้งด้วยแนวทางสันติวิธีเช่นกัน ขณะนี้สิ่งที่จำเป็นคือการกำหนดแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อให้บรรลุสันติภาพ

   เราทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า รัสเซียจะเสนอ และพร้อมที่จะหารือกับฝ่ายยูเครนในการจัดทำ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยข้อตกลงสันติภาพในอนาคต ซึ่งจะรวมถึงบทบัญญัติต่างๆ เช่น หลักการในการยุติความขัดแย้ง กรอบเวลาสำหรับข้อตกลงสันติภาพ และประเด็นอื่นๆ เช่น การหยุดยิงชั่วคราว หากสามารถตกลงกันได้ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง

    การติดต่อระหว่างผู้แทนที่เคยเข้าร่วมการประชุมที่อิสตันบูล ได้กลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง ซึ่งทำให้เรามีเหตุผลที่จะเชื่อว่าโดยรวมแล้วเรากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง

   ข้าพเจ้าขอเน้นอีกครั้งว่า การสนทนาในครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์อย่างยิ่ง และข้าพเจ้าประเมินในทางบวก ประเด็นสำคัญที่สุดในขณะนี้คือ ความตั้งใจจริงของทั้งฝ่ายรัสเซียและยูเครนที่จะมุ่งมั่นต่อสันติภาพ และสร้าง ฉันทามติ ที่จะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

    อย่างที่กล่าวไว้ จุดยืนของรัสเซียชัดเจน นั่นคือ การขจัดรากเหง้าของวิกฤตครั้งนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา หากต้องการคำชี้แจงเพิ่มเติมใด ๆ เลขาธิการประธานาธิบดี นายดมิทรี เปสคอฟ และที่ปรึกษาของข้าพเจ้า นายยูริ อูชาคอฟ จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ในวันนี้กับประธานาธิบดีทรัมป์

    ในขณะเดียวกัน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้มีคำสั่งจัดตั้ง “คณะผู้แทนเจรจาระดับชาติถาวรและขยายขอบเขต” ภายหลังการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนที่จัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี

   การประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถือเป็น การเจรจาโดยตรงครั้งแรกระหว่างเคียฟและมอสโก นับตั้งแต่ปี 2565 โดยมีข้อเสนอจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียในการกลับมาเปิดฉากการเจรจาสันติภาพอีกครั้งโดย ไม่มีเงื่อนไขล่วงหน้า

   ระหว่างการเจรจาซึ่งใช้เวลาสองชั่วโมง รัสเซียและยูเครนได้ตกลงที่จะดำเนิน การแลกเปลี่ยนนักโทษในวงกว้าง รวมถึงมีการแลกเปลี่ยน ข้อเสนอเบื้องต้นสำหรับข้อตกลงหยุดยิง และหารือเกี่ยวกับ การจัดรอบการเจรจาครั้งถัดไป

   เซเลนสกีประกาศการจัดตั้ง “คณะผู้แทนเจรจาถาวรและขยายขอบเขต” ผ่านทางช่องทาง Telegram ของเขาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

“เราพร้อมสำหรับการประชุมระดับผู้นำ เพื่อหาทางออกในประเด็นสำคัญ ยูเครนไม่หวั่นต่อการเจรจาโดยตรงกับรัสเซีย” เซเลนสกีกล่าว

ทางด้านเครมลินได้ยืนยันว่า ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ของการเจรจาโดยตรงระหว่างประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีเซเลนสกี โดยระบุว่าเงื่อนไขสำคัญคือกระบวนการสันติภาพที่กำลังดำเนินอยู่จะต้องมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถบรรลุข้อตกลงที่มั่นคงได้

ที่มา อาร์ที

--------------------------
ทรัมป์บอกการสนทนากับปูตินเป็นไปอย่างดียิ่ง

20-5-2025

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ระบุว่า การสนทนากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียเป็นไปด้วยดีอย่างยิ่ง พร้อมเปิดเผยว่า การเจรจาระหว่างมอสโกและเคียฟจะเริ่มขึ้น “ทันที”

   ทั้งสองผู้นำได้สนทนาทางโทรศัพท์นานกว่า 2 ชั่วโมงในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาหลักของการพูดคุยคือประเด็นความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งปูตินเองก็ได้อธิบายว่าการสนทนาในครั้งนี้ “เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง”

   ในโพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social หลังการพูดคุยไม่นาน ทรัมป์ระบุว่า บรรยากาศและท่าทีในการสนทนาเป็นไปอย่าง “ยอดเยี่ยม” พร้อมกล่าวเสริมว่า “ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ผมคงพูดตรงนี้แล้ว ไม่รอให้ถึงภายหลัง”

   ทรัมป์กล่าวว่า: “รัสเซียและยูเครนจะเริ่มการเจรจาเพื่อหยุดยิงทันที และที่สำคัญกว่านั้นคือเพื่อยุติสงคราม การกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ จะเป็นไปตามการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย เพราะเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้รายละเอียดเฉพาะ ซึ่งไม่มีใครอื่นล่วงรู้ได้”

   ทรัมป์ยังกล่าวอ้างว่า รัสเซีย “ต้องการทำการค้าขนาดใหญ่กับสหรัฐฯ” และระบุว่าการบรรลุข้อตกลงสันติภาพอาจทำให้ยูเครนกลายเป็น “ผู้ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล” ทางเศรษฐกิจจากการค้าในอนาคต

“รัสเซียมีโอกาสอย่างมหาศาลในการสร้างงานและความมั่งคั่งในระดับใหญ่ ศักยภาพของประเทศนี้ไม่มีขีดจำกัด” ทรัมป์เขียน

   เขายังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า “ทันทีหลังจากการโทรศัพท์กับปูติน” เขาได้โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน, ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน, ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนีแห่งอิตาลี, นายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมิร์ตซ์แห่งเยอรมนี และประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ สตับบ์แห่งฟินแลนด์ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสาระสำคัญของการพูดคุยกับผู้นำรัสเซีย

“ขอให้กระบวนการเริ่มต้น!” ทรัมป์เขียนทิ้งท้าย

   การโทรศัพท์ในวันจันทร์ ซึ่งทรัมป์ประกาศไว้ล่วงหน้าเมื่อวันเสาร์ ถูกปูตินอธิบายว่าเป็นการสนทนา “อย่างตรงไปตรงมาและเป็นประโยชน์มาก”

   ตามแถลงการณ์ที่ออกโดยทำเนียบเครมลินภายหลังการพูดคุย ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า เขาได้แสดงความขอบคุณต่อทรัมป์สำหรับ “การสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในการฟื้นฟูการเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียและยูเครน”

   ปูตินกล่าวว่า มอสโกพร้อมที่จะหารือกับเคียฟเกี่ยวกับ ร่างบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยข้อตกลงสันติภาพในอนาคตระหว่างทั้งสองประเทศ

“โดยรวม จุดยืนของรัสเซียชัดเจน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราคือการขจัดต้นตอของวิกฤตนี้” ปูตินกล่าว

ที่มา อาร์ที