.

ทูตปากีสถานชี้ BRICS ขาดความน่าเชื่อถือหากยังกีดกันปากีสถานตามคำสั่งอินเดีย พร้อมเสนอจีน-ทรัมป์ช่วยแก้ปัญหาแคชเมียร์
21-5-2025
SCMP รายงานว่า นายคาลิล ฮัชมี เอกอัครราชทูตปากีสถานประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า กลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) จะขาดความน่าเชื่อถือหากยังคงกีดกันปากีสถานจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิก โดยระบุว่าสาเหตุสำคัญมาจากการขัดขวางของอินเดีย พร้อมแสดงความยินดีที่จะให้ทั้งจีนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในแคชเมียร์
ฮัชมี ซึ่งดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตปากีสถานประจำจีนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 และมีประสบการณ์ทางการทูตเกือบ 30 ปี กล่าวว่า แม้ปากีสถานจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก แต่ยังคงถูกกีดกันจากการเข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างต่อเนื่อง
"สาเหตุไม่ใช่ความลับ เพราะอินเดียปิดกั้นการเข้าร่วมของเรามาโดยตลอด การเมืองดังกล่าวขยายวงกว้างเกินกว่ากลุ่ม BRICS ไปสู่สถาบันระหว่างประเทศอื่นๆ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) ซึ่งแนวทางการกีดกันของอินเดียบ่อนทำลายหลักการพัฒนาที่ครอบคลุม" นายฮัชมีระบุ
เอกอัครราชทูตกล่าวเพิ่มเติมว่า "ข้อความแห่งความสามัคคีในโลกใต้ (Global South) ที่สมาชิกกลุ่ม BRICS และสถาบันคล้ายคลึงกันส่งต่อกันจะดูไร้ความหมาย หากพวกเขายังคงกีดกันประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญออกจากกลุ่มปีแล้วปีเล่า หากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาต้องการพัฒนาเป็นพลังที่มีประสิทธิผลและน่าเชื่อถืออย่างแท้จริง สมาชิกของกลุ่มจะต้องก้าวข้ามการคำนวณทางการเมืองที่คับแคบและยอมรับหลักการความยุติธรรม ความเปิดกว้าง และความร่วมมือในภูมิภาค"
ในประเด็นความตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถานในแคชเมียร์ ฮัชมีกล่าวว่า ปากีสถานยังคงยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงและมีความเห็นว่าการนำข้อตกลงไปปฏิบัติอย่างซื่อสัตย์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค การประชุมระหว่างผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการทางทหารของทั้งสองประเทศได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะลดระดับความรุนแรงและปลดประจำการทีละขั้นตอน รวมถึงแต่ละฝ่ายได้ปล่อยตัวทหารหนึ่งนายเพื่อแสดงไมตรีจิต
"แนวทางของเรายึดตามหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ และบรรทัดฐานระดับโลกเกี่ยวกับพฤติกรรมของรัฐ มติ 12 ฉบับที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติผ่านและได้รับการยอมรับจากทั้งปากีสถานและอินเดียถือเป็นแนวทางในการแก้ไขข้อพิพาทจัมมูและแคชเมียร์อย่างสันติ" ฮัชมีกล่าว
นายฮัชมียังแสดงความยินดีต่อข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์ในการเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแคชเมียร์ และกล่าวถึงบทบาทของจีนว่า "จีนเป็นเพื่อนบ้านของทั้งปากีสถานและอินเดีย เป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ซื่อสัตย์และเป็นผู้สร้างสันติภาพที่น่าเชื่อถือได้"
เอกอัครราชทูตปากีสถานยังเน้นย้ำว่า จีนกำลังดำเนินนโยบายเพื่อนบ้านที่มุ่งส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพ โดยปากีสถานยินดีที่จีนจะมีบทบาทในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแคชเมียร์อย่างยุติธรรม และยังให้ความสำคัญกับการใช้คนกลางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานเลขาธิการสหประชาชาติ หรือผู้มีบทบาทอื่นๆ เนื่องจากสถานการณ์มักตึงเครียดและต้องใช้แนวทางการทูตในการแก้ไขปัญหา
ในส่วนของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ฮัชมีชี้ว่า "มีประเทศและองค์กรมากกว่า 150 แห่งเข้าร่วมโครงการนี้ ประเทศกำลังพัฒนาถูกดึงดูดเข้าหาโครงการนี้ไม่ใช่เพราะแนวคิดทางอุดมการณ์ แต่เพราะโครงการให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในรูปแบบของถนน พลังงาน การเชื่อมต่อ และโครงสร้างพื้นฐาน"
นายฮัชมีเน้นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานและจีนนั้นแน่นแฟ้น และไม่ได้มีเป้าหมายเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศที่สาม ขณะที่ปากีสถานยังมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนและประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ในประเด็นความปลอดภัย ฮัชมีกล่าวถึงความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างปากีสถานและจีนว่า ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือที่ลึกซึ้งและเป็นสถาบัน หลังเหตุการณ์สูญเสียชีวิตชาวจีนอย่างน่าสลดใจจากการก่อการร้าย ผู้นำปากีสถานได้แสดงความตั้งใจที่จะนำผู้ก่อเหตุมาลงโทษ
"ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายต่อชาวปากีสถานและพลเมืองจีนในปากีสถานมีต้นตอมาจากกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่ม Tehrik-e-Taliban Pakistan (TTP) หรือที่รู้จักกันในชื่อตาลีบันปากีสถาน และกองทัพปลดปล่อยบาลูจ ซึ่งทั้งสองกลุ่มได้รับการสนับสนุน เงินทุน และความคุ้มครองจากผู้กระทำการภายนอก เราได้นำเสนอเอกสารหลายชุดต่อสหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศ ที่แสดงหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มเหล่านี้กับหน่วยงานของรัฐอินเดีย" ฮัชมีกล่าว
เมื่อมองไปข้างหน้า เอกอัครราชทูตกล่าวถึงความสำคัญของการรำลึกครบรอบ 80 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จีนจะจัดขึ้นในปลายปีนี้ว่า "นี่เป็นทั้งการสะท้อนประวัติศาสตร์และการยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันที่มีต่อสันติภาพ พหุภาคีนิยม และพฤติกรรมของรัฐที่รับผิดชอบ" พร้อมเสริมว่านี่เป็นโอกาสที่จะดึงบทเรียนที่ถูกต้องจากอดีตมาใช้เพื่อกำหนดอนาคตที่สันติ ครอบคลุม และยั่งยืนมากขึ้น
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3310820/brics-message-ring-hollow-if-pakistan-remains-blocked-india-envoy-khalil-hashmi?module=feature_package_2&pgtype=homepage