.

“ฮุนเซน” ยันแค่ปรับกำลังหลีกเลี่ยงปะทะใหญ่ ไม่ใช่การถอนทหาร ดินแดนยังเป็นของกัมพูชา ฟ้องศาลโลกไม่เปลี่ยน
9-6-2025
“ฮุนเซน” โพสต์ยอมรับปรับกำลังทหารในพื้นที่ขัดแย้งกับไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะนองเลือด แต่ยืนยันไม่ใช่การถอนทหาร เหมือนนอนบนเตียงแค่ยกหัวขึ้นเพื่อนอนใหม่ ดินแดนยังเป็นของกัมพูชา ส่วนการยื่นฟ้องต่อศาลโลกยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ภายหลังจาก พลโท สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ของกัมพูชา ได้หารือกับ พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และมีข้อตกลงร่วมกันที่จะถอนกำลังออกจากจุดปะทะกันบริเวณช่องบกเมื่อวันที่ 28 พ.ค.และฝ่ายกัมพูชาจะกลบคูเรดที่ขุดไว้ให้กลับสู่สภาพเดิมแล้วนั้น เมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา จอมพลสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์ข้อความในโพสต์เฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia”ว่า “การปรับกำลังทหารในพื้นที่ขัดแย้ง ซึ่งผู้บัญชาการทหารของทั้งสองประเทศ กัมพูชาและไทย เห็นพ้องต้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันขนาดใหญ่ เป็นสิ่งจำเป็น
“ประชาชนของทั้งสองประเทศ กัมพูชาและไทย ต้องการสันติภาพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง และไม่ต้องการเห็นสงคราม การแสวงหาวิธีแก้ปัญหาผ่านการเจรจาได้ดำเนินการตั้งแต่ระดับรัฐบาลไปจนถึงผู้บัญชาการหน่วยในแนวหน้า ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าว
“ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลกัมพูชาจะแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงสงครามนองเลือด และยังคงมิตรภาพและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่ดีต่อไป”
สมเด็จฮุนเซน ยังได้โพสต์ข้อความอธิบายเพิ่มเติมในคอมเมนต์ ว่า “โปรดเข้าใจว่าการปรับกำลังทหารนั้นไม่ใช่การถอนทหารออกจากดินแดนของตนเอง แต่เป็นการปรับกำลังทหารในดินแดนของตนเอง การปรับกำลังทหารก็เหมือนกับการนอนบนเตียง ตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าเราอยู่บนที่นอน แต่ตอนนี้เรายกหัวขึ้นเพื่อจะนอนใหม่ ดินแดนของเราก็ยังคงเป็นดินแดนของเรา”
ต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อ Rim Chanra ได้ถามว่า “นั่นหมายถึงการถอนทหารออกจากดินแดนที่เราอ้างสิทธิ์ไว้ในตอนแรกใช่หรือไม่? ดูเหมือนว่าคำว่า "การส่งต่อกำลังไปยังพื้นที่ที่เหมาะสม" ไม่ค่อยเป็นที่เข้าใจนัก
สมเด็จฮุนเซนตอบว่า ขอให้เข้าใจคำว่าการปรับกำลัง แตกต่างจากการถอนทหาร นอกจากนี้ สมเด็จฮุนเซนได้ตอบคำถามเรื่องการยื่นฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยยืนยันว่าการฟ้องคดีต่อ ICJ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ล่าสุด วันที่ 8 มิ.ย. 2568 เฟซบุ๊ก กองทัพบก Royal Thai Army ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า "ทบ. เผยสถานการณ์ช่องบกคลี่คลาย หลังฝ่ายกัมพูชาเจรจากับกองกำลังสุรนารี โดยเห็นชอบการปรับการวางกำลังเพื่อลดการเผชิญหน้า พร้อมกลบคูเลตกลับไปสู่สภาพเดิม สร้างบรรยากาศที่เกื้อกูลต่อการประชุม JBC ใน 14 มิ.ย. 68
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา โดย พลโท สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย นำโดย พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วย พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่บริเวณช่องบก
จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบการปรับการวางกำลังให้กลับไปสู่แนววางกำลังเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2567 เพื่อลดการเผชิญหน้า พร้อมทั้งกลบคูติดต่อ (คูเลต) กลับไปสู่สภาพเดิม สร้างบรรยากาศที่เกื้อกูลต่อการประชุม JBC ใน 14 มิ.ย. 68 ซึ่งเป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้ กลไกคณะกรรมการชายแดน ส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางหารือการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่องในอนาคต"
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กับ พลโท สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 รู้จักกันมานานเนื่องจากเคยสู้กันมาตอนเขาพระวิหาร 2554 จนสามารถตกลงกันได้.
ที่มา mgronline.com