.

CIC-กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจีน มูลค่า 1.3 ล้านล้าน$ หันหลังให้วอลล์สตรีท หลังถูกสหรัฐฯ ขัดขวาง ปักกิ่งหันหาตะวันออกกลางและตลาดเกิดใหม่แทน
30-6-2025
Bloomberg รายงานว่า China Investment Corp. (CIC) กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจีนมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นนักลงทุนที่เนื้อหอมที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับการลดบทบาทและถอยห่างจากการลงทุนในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอย่างสหรัฐอเมริกา สถานการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองชาติมหาอำนาจ ซึ่งส่งผลให้เกิดอุปสรรคในการลงทุนและกระตุ้นให้ปักกิ่งต้องปรับกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยง
CIC กำลังลดการลงทุนในสินทรัพย์ภาคเอกชนของสหรัฐฯ และเคยพิจารณาขายหุ้นบางส่วนในกองทุนที่ถืออยู่กับผู้จัดการกองทุนหุ้นเอกชนของสหรัฐฯ ก่อนที่จะ ยกเลิกการขาย ในเวลาต่อมา การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการแตกหักทางการเงินระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ CIC ยังคงลงทุนอยู่ แต่การค่อยๆ ถอยห่างจากสหรัฐฯ กำลังจำกัดอิทธิพลของจีนในวอลล์สตรีท และยังลดแหล่งเงินทุนสำคัญสำหรับบริษัทหุ้นเอกชน ทำให้พวกเขาต้องหันไปพึ่งพานักลงทุนรายใหญ่จากตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่นๆ มากขึ้น
นายหลี่ เจี๋ย (Li Jie) หัวหน้าศูนย์วิจัยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของมหาวิทยาลัย Central University of Finance and Economics ในปักกิ่งกล่าวว่า "ป้ายชื่อ 'จีน' ทำให้ CIC ต้องจ่ายแพง" และคาดว่าเส้นทางของกองทุนจะยากลำบากในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า
การถอยที่ถูกเร่งเครื่อง
การถอยร่นของ CIC เริ่มต้นมาหลายปีแล้ว แต่มีแนวโน้มที่จะเร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจนภายใต้การบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีแผนกีดกันกองทุนจีนเช่น CIC ออกจากรายชื่อบริษัทที่ได้รับการอนุมัติการลงทุนจากต่างประเทศอย่างรวดเร็ว และจำกัดการลงทุนในบางภาคส่วน ในขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนเองก็ระมัดระวังมากขึ้น ไม่ต้องการให้นักลงทุนของรัฐอย่าง CIC รับความเสี่ยงในสหรัฐฯ มากเกินไป ท่ามกลางสงครามการค้าที่ยังคงคุกรุ่น
CIC ยังเผชิญความท้าทายจากภายในประเทศมานานหลายปี ทั้งจากเงินสำรองเงินตราต่างประเทศที่ลดลง และเงินทุนใหม่ที่จำกัด ซึ่งบั่นทอนบทบาทของกองทุนภายในประเทศ และนำไปสู่การลาออกของพนักงาน
แตกต่างจากช่วงที่ CIC ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจจีนกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้ CIC มีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่เข้าช่วยเหลือบริษัทวอลล์สตรีทอย่าง Morgan Stanley ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงิน และยังลงทุนในบริษัทชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลก
อุปสรรคจากการตรวจสอบและระเบียบใหม่
การลงทุนของ CIC ในสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลงเมื่อความสัมพันธ์แย่ลง และการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดบางอย่างทำให้ผู้บริหารในปักกิ่งไม่พอใจ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มท้าทายเงินอุดหนุนการส่งออกของจีน รัฐบาลทรัมป์ก็ใช้มาตรการภาษีการค้าและข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง และรัฐบาลไบเดนก็ยิ่งเข้มงวดข้อจำกัดการลงทุนทั้งสองทาง
ข้อมูลจาก Rhodium Group ชี้ให้เห็นว่า การลงทุนใหม่จากจีนในอเมริกาเหนือลดลงอย่างมาก โดยยอดรวมในไตรมาสที่สี่เป็นระดับต่ำสุดในรอบอย่างน้อยห้าปี
ด้วยเหตุนี้ CIC จึงขายสินทรัพย์สหรัฐฯ หลายรายการ รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่ใน Blackstone และ Morgan Stanley การลงทุนโดยตรงและส่วนตัวได้ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด กองทุนพยายามหลีกเลี่ยงการลงทุนที่อาจต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ (CFIUS)
ความท้าทายภายในและอนาคตที่ยังไม่ชัดเจน
นอกเหนือจากอุปสรรคจากสหรัฐฯ แล้ว CIC ยังเผชิญกับความท้าทายภายในประเทศ รัฐบาลจีนได้เพิ่มการตรวจสอบการลงทุนในต่างประเทศ และได้ขัดขวางการลงทุนบางอย่างในสหรัฐฯ โดยการชะลอหรือระงับการอนุมัติ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเงินทุน มีรายงานว่า CIC ระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากกลัวสถานการณ์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะอายัดสินทรัพย์จีนเหมือนที่เคยทำกับรัสเซีย
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ CIC มีทางเลือกในการลงทุนน้อยลง นายหลิว (Liu) กล่าวว่า "ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ CIC ในการเปลี่ยนออกจากตลาดสหรัฐฯ คือการหาตลาดหรือสินทรัพย์ทางเลือกที่สามารถให้ผลตอบแทนทางการเงิน การเข้าถึงทางการเมือง และผลประโยชน์ที่ไม่ใช่ทางการเงินอื่นๆ ที่เท่าเทียมกัน... ขณะนี้ยังไม่มีทางเลือกอื่น"
ปัจจุบัน CIC ได้สูญเสียความกล้าหาญในการรับความเสี่ยงไปบ้าง จากการที่เงินสำรองของจีนลดลง ทำให้มีเงินสดใหม่สำหรับลงทุนน้อยลง และการแข่งขันจากกองทุนภาครัฐอื่นๆ ในประเทศก็เพิ่มขึ้น ท้ายที่สุด การปรับตัวของ CIC จะกำหนดทิศทางการลงทุนของจีนในระยะยาว และส่งผลต่อพลวัตทางเศรษฐกิจทั่วโลกในอนาคต
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/features/2025-06-25/china-fund-giant-cic-pulls-back-from-us-in-financial-decoupling