EU-แคนาดา-ญี่ปุ่น เร่งจับมือพันธมิตรใหม่รับมือภาษี

EU-แคนาดา-ญี่ปุ่น เร่งจับมือพันธมิตรใหม่รับมือภาษีทรัมป์ จับตาแนวรบการค้าระดับโลก
15-7-2025
Bloomberg รายงานว่า สหภาพยุโรป (European Union: EU) เตรียมยกระดับความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) โดยนายมารอส เซฟโควิช (Maros Sefcovic) หัวหน้าคณะเจรจาการค้าของอียู ระบุว่า “ขณะนี้เกิดความเร่งด่วนรูปแบบใหม่” ในการสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับความเสี่ยงสงครามการค้ารอบใหม่
EUกำลังหารือประสานงานกับประเทศอย่างแคนาดา (Canada) และญี่ปุ่น (Japan) โดยประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) มีกำหนดหารือกับนายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ (Mark Carney) เพื่อหาทางออกจากข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมานาน โดยเฉพาะประเด็นยานยนต์และเกษตรกรรม
ขณะที่มาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ กำลังจะมีผลบังคับใช้ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า หลายประเทศพันธมิตรสหรัฐฯ เริ่มทบทวนการพึ่งพาตลาดอเมริกาในฐานะเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
เทเรซา ริเบรา (Teresa Ribera) หัวหน้าฝ่ายการแข่งขันของอียู ให้สัมภาษณ์จากปักกิ่งว่า “เราต้องสำรวจว่าอียูจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่นในแปซิฟิกได้ลึกแค่ไหน” พร้อมระบุว่าอียูกำลังเดินหน้าเจรจาการค้ากับอินเดีย (India) ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้
นอกจากนี้ อียูยังบรรลุข้อตกลงเศรษฐกิจเบื้องต้นกับอินโดนีเซีย (Indonesia) ซึ่งกำลังเผชิญภาษีสหรัฐฯ สูงถึง 32% แม้จะอยู่ระหว่างเจรจาลดอัตราภาษีกับวอชิงตัน ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต (Prabowo Subianto) ของอินโดนีเซียยกให้ข้อตกลงกับอียูเป็น “ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ” หลังใช้เวลาต่อรองยาวนานถึง 10 ปี
ด้านแคนาดา (Canada) ก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการประสานงานกับพันธมิตรอื่นเพื่อรับมือกับ “รัฐบาลสหรัฐฯ ที่คาดเดาไม่ได้” โดยรัฐมนตรีอุตสาหกรรม เมลานี โจลี (Mélanie Joly) ระบุว่า “ขณะที่สหรัฐฯ กำลังอ่อนแอลง เราต้องแข็งแกร่งขึ้น หลากหลายขึ้น และหันมาให้ความสำคัญกับยุโรปมากขึ้น”
สำหรับบราซิล (Brazil) ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา (Luiz Inacio Lula da Silva) ประกาศชัดว่าหลังถูกขู่ขึ้นภาษี 50% จากสหรัฐฯ จะต้องมองหาตลาดใหม่ ๆ มารองรับสินค้า ส่งผลให้จีน (China) กลายเป็นคู่ค้าหลักอันดับหนึ่งของบราซิลแทนสหรัฐฯ
ฟอน แดร์ ไลเอิน (von der Leyen) ส่งสัญญาณว่ายังต้องการใช้การเจรจาเป็นหลัก โดยอียูจะขยายเวลาระงับมาตรการตอบโต้ทางการค้ากับสหรัฐฯ ไปจนถึง 1 สิงหาคม พร้อมเตรียมมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมมูลค่ารวมกว่า 72,000 ล้านยูโร หากการเจรจาไม่คืบหน้า
อย่างไรก็ตาม อียูยังไม่ใช้เครื่องมือ “anti-coercion instrument” ซึ่งเป็นกลไกตอบโต้ทางการค้าที่ทรงพลังที่สุดของกลุ่ม โดยระบุว่า “ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้มาตรการนี้”
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) เรียกร้องให้เตรียมมาตรการตอบโต้ที่น่าเชื่อถือ หากไม่มีข้อตกลงกับสหรัฐฯ ภายในเส้นตาย ขณะที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ฟรีดริช แมร์ซ (Friedrich Merz) เตือนว่าภาษี 30% จะกระทบอุตสาหกรรมส่งออกของเยอรมนีอย่างหนัก หากไม่สามารถหาทางออกด้วยการเจรจา
นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ประเมินว่าหากสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษี 30% ต่ออียูจริง จะทำให้อัตราภาษีเฉลี่ยที่อียูต้องเผชิญเพิ่มขึ้นถึง 26 จุด และอาจฉุดจีดีพีของยูโรโซนลดลงสะสม 1.2% ภายในสิ้นปี 2026
ทรัมป์ยังได้ส่งจดหมายถึงประเทศคู่ค้าหลายราย ปรับระดับภาษีที่เสนอไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน และเชิญเข้าร่วมการเจรจารอบใหม่ โดยเตือนอียูว่าหากไม่สามารถตกลงเงื่อนไขใหม่ได้ จะต้องเผชิญภาษี 30% ตั้งแต่เดือนหน้า
ขณะเดียวกัน หัวหน้าคณะเจรจาอียู เซฟโควิช (Sefcovic) ยืนยันว่าจะหารือกับคู่เจรจาสหรัฐฯ ต่อไป ท่ามกลางความกังวลว่าการปรับโครงสร้างการค้าของทรัมป์อาจผลักดันให้การลงทุนไหลออกและประเทศต่าง ๆ ต้องรวมกลุ่มกันมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อจีนในระยะยาว
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-07-13/eu-to-extend-suspension-of-countermeasures-to-allow-for-us-talks?srnd=phx-politics