.
ความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้น AI เขย่านักลงทุนทั่วโลก ท่ามกลางความหวั่นวิตกต่อฟองสบู่เทคโนโลยีที่ก่อตัวขึ้น
8-11-2025
ความผันผวนของตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเห็นการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่พุ่งสูงเกินจริง ได้ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มจับตาความเสี่ยงจาก “การลุกลามของแรงขาย” (contagion) อย่างใกล้ชิด
เดวิด โซโลมอน (David Solomon) ซีอีโอของ โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) เตือนในสัปดาห์นี้ว่า มี “ความเป็นไปได้สูง” ที่ตลาดหุ้นอาจเผชิญการปรับฐานลง 10–20% ภายในช่วงสองปีข้างหน้า ขณะที่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) ต่างก็ออกมาแสดงความกังวลในทำนองเดียวกัน
แอนดรูว์ เบลีย์ (Andrew Bailey) ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันพฤหัสบดีว่า มี “ความเป็นไปได้ของฟองสบู่ AI” โดยชี้ว่า แม้เทคโนโลยีจะมี “ส่วนช่วยเพิ่มผลิตภาพอย่างมาก” แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกระแสรายได้ในอนาคตของบริษัทในภาคส่วนนี้อาจกลายเป็นปัจจัยถ่วงได้
“เราต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงเหล่านี้อย่างใกล้ชิด” เบลีย์กล่าว
ในอีกด้านหนึ่ง บริษัท Legrand จากฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในบริษัทในยุโรปที่ได้รับประโยชน์จากกระแส AI บูม บริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ให้กับ Alphabet, Amazon และบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่น ๆ เพื่อใช้ในการระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์ หุ้นของ Legrand พุ่งขึ้นแล้วกว่า 37% ในปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเพิ่มขึ้นของหุ้น Nvidia
อันเดอร์ส ดาเนียลส์สัน (Anders Danielsson) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่จากสวีเดน Skanska ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างศูนย์ข้อมูล (data centers) และโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI infrastructure) กล่าวว่า เขาไม่กังวลต่อความเป็นไปได้ของการชะลอตัวในภาคนี้
“ในสหรัฐฯ เรายังมีโครงการศูนย์ข้อมูลจำนวนมากในแผนงาน และยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอตัวเลย” ดาเนียลส์สันให้สัมภาษณ์กับ CNBC “เรากำลังทำงานร่วมกับลูกค้ารายใหญ่ระดับนานาชาติ ซึ่งต่างก็มีความสนใจที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลในยุโรปตอนกลาง รวมถึงในกลุ่มประเทศนอร์ดิกและสหราชอาณาจักรด้วย เรายังไม่เห็นสัญญาณชะลอตัวที่ชัดเจนเลยจริง ๆ”
ในอีกด้านหนึ่ง คิราน กาเนช (Kiran Ganesh) นักกลยุทธ์การลงทุนสินทรัพย์ผสม (Multi-Asset Strategist) จาก UBS ชี้ให้เห็นว่า ตลาดยังคงมี ความผันผวนต่ำอย่างผิดปกติ พร้อมเสริมว่าภาพรวมโดยทั่วไปของตลาดยังคงเป็นบวก
“เรามีการปรับตัวขึ้นของตลาดที่ราบรื่นอย่างน่าทึ่ง ทั้งที่มีการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้น มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกระแสเงินสดในอนาคต และมีความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นที่สูงเกินจริง” กาเนชกล่าวในรายการ Europe Early Edition ของ CNBC เมื่อวันศุกร์
“เมื่อเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการ เราคาดว่าจะเห็นความผันผวนบ้าง แต่ผลลัพธ์กลับออกมาดีกว่าที่คาดไว้ — ตลาดยังคงปรับตัวขึ้นโดยรวม และบริษัทจำนวนมากก็รายงานผลประกอบการที่เหนือความคาดหมาย ดังนั้น แม้ว่าจะมีแรงเหวี่ยงของตลาดบางส่วนในสัปดาห์นี้ แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่คาดหมายได้ และโดยภาพรวมแล้ว แนวโน้มยังคงเป็นบวกอยู่”
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนมากเริ่มแสดงความกังวลต่อ มูลค่าหุ้นที่สูงเกินจริง ซึ่งดูเหมือนจะเริ่มตึงตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในเอเชีย หุ้นของ SoftBank Group — ซึ่งมีการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI, เซมิคอนดักเตอร์ และบริษัทแอปพลิเคชันต่าง ๆ — ร่วงลงอย่างหนัก โดยมูลค่าตลาดของบริษัทลดลงเกือบ 50,000 ล้านดอลลาร์ภายในสัปดาห์เดียว
หุ้นของกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นรายนี้กลับเข้าสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้งในวันศุกร์ หลังจากร่วงไปประมาณ 10% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
เมื่อวันอังคาร มีรายงานว่า Scion Asset Management กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่นำโดย ไมเคิล เบอร์รี (Michael Burry) นักลงทุนชื่อดังจากเรื่อง The Big Short ได้เปิดสถานะ ขายชอร์ต (short positions) ต่อหุ้นของทั้ง Palantir Technologies และ Nvidia ซึ่งทำให้ อเล็กซ์ คาร์ป (Alex Karp) ซีอีโอของ Palantir ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่บางตัวตอนนี้อยู่ในจุดที่ ‘ลดราคา’ และเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่พลาดโอกาสจากการปรับขึ้นของตลาดในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา”
— เกล็น สมิธ (Glen Smith) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ GDS Wealth Management กล่าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางรายได้เตือนถึง ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของหุ้น (concentration risk) ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และแนะนำให้นักลงทุนมองหาโอกาสในภูมิภาคอื่นแทน
ลูกา พาโอลินี (Luca Paolini) หัวหน้านักกลยุทธ์ของ Pictet Asset Management ระบุว่า มูลค่าหุ้นสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงเกินไปทำให้บริษัทมีมุมมอง “เป็นกลาง” ต่อการลงทุนในตลาดนี้
“เรามองว่าตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) มีความน่าสนใจกว่า โดยเฉพาะการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงใน อินเดีย บราซิล และประเทศตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ที่ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนด้าน AI และการผ่อนคลายนโยบายการเงิน” พาโอลินีกล่าวในบทวิเคราะห์ตลาด
ที่มา CNBC