“จีนไม่ใช่ประเทศคอมมิวนิสต์”

2-12-2025

   พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ใช่ “คอมมิวนิสต์” อย่างแท้จริง จีนอนุญาตให้มีการถือกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลและให้บริษัทเอกชนดำเนินกิจการได้ ลัทธิบริโภคนิยมและทุนนิยมยังคงดำรงอยู่และเติบโตดี ฟอบส์ รายงานเมื่อเดือนเมษายนปี 2021 ว่ามีมหาเศรษฐีคนใหม่เกิดขึ้นทั่วโลกทุก ๆ 17 ชั่วโมง โดยส่วนใหญ่ของความมั่งคั่งใหม่นั้นมาจากจีน

  สหรัฐอเมริกาอาจเป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก โดยมีการบันทึกตัวเลขระหว่าง 813 ถึง 902 คน แต่จีนก็เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันจีนแผ่นดินใหญ่มีมหาเศรษฐีราว 450 คน ด้วยความมั่งคั่งรวม 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ จีนยังมีผู้ที่มีทรัพย์สินเกิน 700 ล้านดอลลาร์มากกว่า1,400 คน มหาเศรษฐีไม่อาจเกิดขึ้นได้ในชาติที่เป็นคอมมิวนิสต์อย่างแท้จริง

  คอมมิวนิสม์ของคาร์ล มาร์กซ์หมายถึงการยึด “ปัจจัยการผลิต” มาเป็นของส่วนรวม รัฐบาลเป็นเจ้าของที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน โรงงาน และบริษัทต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดว่าการมอบกรรมสิทธิ์แก่รัฐจะช่วยล้มล้างชนชั้นปกครองได้ พลเมืองไม่อาจสะสมความมั่งคั่งได้ เพราะไม่มีใครควรมีมากกว่าใคร และแน่นอนไม่ควรมีมากกว่ารัฐ ทุกคนต้อง “เท่าเทียม” กันในความยากจน

  ภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ แรงจูงใจในการสร้างนวัตกรรมแทบไม่มีอยู่ จีนในปัจจุบันกลับกลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในทุกภาคส่วน ผู้ประกอบการมีอยู่มาก และการลงทุนรวมถึงการค้าระหว่างประเทศก็ได้รับการส่งเสริม จีนในวันนี้เป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของเศรษฐกิจโลก ขับเคลื่อนด้วยความทันสมัยและการแข่งขัน จีนในอดีตอาจเป็นคอมมิวนิสต์ แต่รัฐบาลจะไม่รื้อถอนรูปปั้นเหมาเจ๋อตงหรือประกาศยอมรับข้อผิดพลาดในอดีตอย่างเปิดเผย

  จีนได้ถอยห่างจากคอมมิวนิสต์อย่างเงียบ ๆ มานานหลายทศวรรษ พวกเขาเห็นว่าระบบนั้นไม่เวิร์กและจึงปรับเปลี่ยนโดยไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ ใช่—พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงมีลักษณะเผด็จการในบางระดับ แต่การเรียกจีนว่าเป็นประเทศคอมมิวนิสต์นั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

ที่มา Armstrongeconomics.com